เทศนาวันอาทิตย์ที่ 28/9/2025
ซีรีย์ : ต้องแบบนี้ ... แล้วพระเจ้าจะอวยพร
หัวข้อ: สันติสุขที่เหนือยีน แล้วสุขภาพของคุณจะดีขึ้นทันที
สวัสดีครับพี่น้องที่รัก... คุณเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม? คุณพยายามดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนหลับนอนตามเวลา และพยายามคิดบวกไม่คิดลบ... แต่สุดท้ายก็ยังรู้สึกเหมือนหมดไฟ ป่วยง่าย เครียดง่าย เหนื่อยง่าย ดูเหมือนร่างกายไม่ยอมร่วมมือกับคุณเลย
คุณรู้มั๊ยครับว่า นักวิทยาศาสตร์สมัยนี้ กำลังตื่นเต้นกับการค้นพบศาสตร์ใหม่ที่เรียกว่า Epigenetics เป็นการค้นพบว่า เจ้าความคิดและอารมณ์จิตใจของคุณนี่ มันสามารถส่งผลการเปลี่ยนแปลงไปถึงระดับ cell และ DNA ในร่างกายคุณได้เลยนะครับ เขาค้นพบว่า เจ้าความคิดอารมณ์จิตใจของคุณ มันสามารถเปิดหรือปิด "สวิตช์" ของยีนบางตัวในร่างกายคุณได้...คุณรู้มั๊ยครับว่า ร่างกายคุณมียีนที่สำคัญๆอยู่หลายตัว และจะมียีนตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็นสวิตช์ที่เรียกว่า สวิตช์อักเสบ และยีนอีกตัวทำหน้าที่เป็นสวิตช์ซ่อมแซมด้วยครับ
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้เชื่อในพระเจ้าเลยครับ เพราะเมื่อสองพันปีก่อน พระคัมภีร์ได้เปิดเผยความจริงที่ลึกซึ้งกว่านั้นไว้แล้วว่า ชีวิต สันติสุข และสุขภาพที่ครบบริบูรณ์นั้น ไม่ได้เริ่มต้นที่ยีน โครโมโซม หรือ DNA ที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ แต่มันเริ่มต้นที่พระเจ้า ซึ่งเป้นผู้ทรงสร้างยีนและ DNA ของคุณครับ
คุณรู้มั๊ยครับว่า นักวิทยาศาสตร์ในยุค AI นี้ ได้ค้นพบว่า ความเครียดสะสมเรื้อรังในอารมณ์จิตใจของคุณ มันเป็นตัวการสำคัญที่คอยเปิด "สวิตช์อักเสบ" (NF-kappa B) และปิด "สวิตช์ซ่อมแซม" (Telomerase) ในร่างกายของคุณ แล้วมันก็จะทำให้คุณป่วยง่าย หรือแก่เร็วกว่าปกติครับ ถ้าคุณไม่อยากป่วยหรือแก่ง่ายๆ ก็ต้องฟังคลิปนี้ไปจนจบครับ
นี่เป็นการค้นพบทางชีวะวิทยาที่น่าทึ่ง ซึ่งยืนยันถึงการออกแบบอันอัจริยะของพระเจ้าครับ! พระองค์ทรงออกแบบให้ร่างกายของมนุษย์ ให้มี "โหมดสู้หรือหนี" (Fight-or-Flight) เพื่อใช้ในยามเผชิญอันตรายจริงๆ แต่พระองค์ไม่ได้ออกแบบให้คุณดำเนินชีวิตอยู่ในโหมดนั้นตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ
ปัญหาคือ โลกในยุคนี้ตกอยู่ในความบาปทวีมากขึ้นกว่าในยุคหลายพันปีก่อน เพราะความเจริญทางวัตถุ ทำให้ชีวิตเรามีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าสมัยโบราญมากเลย สมัยนี้เราจะมีภัยคุกคามหลายด้านมาก ที่ส่งผลให้เราเต็มไปด้วยความหวาดกลัว วิตกกังวล เคร่งเครียด และต้องสู้กับแรงกดดันในหลายๆด้านอย่างต่อเนื่อง สภาพอารมณ์จิตใจแบบนี้ ทำให้เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายคุณ ?
คุณรู้มั๊ยครับว่า ความเครียดสะสมต่อเนื่องทุกๆวัน มันทำให้คุณต้องอยู่ใน "โหมดรบ" ตลอดเวลา เป็นผลให้ยีนที่ทำหน้าที่สวิทช์อักเสบก็เปิดตลอด แล้วร่างกายของคุณจึงไม่มีโอกาสได้เข้าสู่ "โหมดซ่อมแซม" เลย การอักเสบนี้เกิดได้ในเส้นเลือดเล็กๆทั่วร่างกาย หรืออักเสบภายในอวัยวะต่างๆ แม้กระทั่งสมองของคุณก็อักเสบได้ อันเนื่องมาจากเจ้ายีนที่ทำหน้าที่เป็นสวิทช์อักเสบนี่แหละมันเปิดตลอดเวลานั่นเองแหละครับ
แล้วคุณจะสับสวิตช์จาก "โหมดอักเสบ" ไปสู่ "โหมดซ่อมแซม" ได้อย่างไร? นักวิทยาศาสตร์ทางจิต หรือผู้นำด้านจิตวิญญาณหลายๆท่าน เสนอทางออกด้วย "เทคนิค" ต่างๆมากมาย เช่น การทำสมาธิโดยจดจ่อกับลมหายใจ เพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเครียด เพราะความเครียดมันทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายนั่นเองครับ
แต่วิธีของคริสเตียนเรา ไม่ได้ใช่ "เทคนิคการสลายความเครียดด้วยการนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก" หรือผ่อนคลายความเครียดด้วยการดูหนังฟังเพลงเล่นกีฬา แต่วิธีของคริสเตียนเราคือ การหันมาพัฒนา "ความสัมพันธ์" อย่างเป็นส่วนตัวกับพระเจ้าครับ พระองค์ไม่ได้ให้คุณพึ่งพากำลังของตัวเองในการสร้างความสงบและผ่อนคลายอารมณ์จิตใจด้วยเทคนิคต่างๆ แต่พระองค์ทรงประทาน "สันติสุข" ของพระองค์ให้แก่คุณเป็นของขวัญ เมื่อคุณหันมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระองค์ครับ
ใน ฟิลิปปี 4:6-7 คือกุญแจที่ปลดล็อกทุกสิ่งครับ
มีเขียนไว้ว่า “อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลทุกสิ่งที่พวกท่านปรารถนาต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”
เห็นมั๊ยครับพี่น้อง วิธีของคริสเตียนนั้น ไม่ใช่บังคับตัวเองว่า "จงอย่าคิด จงควบคุมตัวเองไม่ให้คิดลบ" "จงอย่ากระวนกระวาย" ไม่ใช่พยายามทำด้วยตัวเองโดยฝึกสติหรือฝึกสมาธิ วิธีการของคริสเตียน ไม่ใช่การจดจ่อกับลมหายใจเข้าออก หรือเล่นโยคะ หรือภาวนายุบหนอพองหนอ วิธีการเหล่านี้ก็ดีนะครับ ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ แต่มันเป็นการพึ่งตนเอง ซึ่งไม่ใช่วิธีของคริสเตียน
แต่วิธีของคริสเตียนเราคือ "การทูลทุกสิ่งต่อพระเจ้าพร้อมการขอบพระคุณ" ดังนั้น ผลลัพธ์จึงไม่ใช่: แค่ความสงบชั่วคราว แต่เป็น "สันติสุขของพระเจ้า" ที่เหมือนทหาร มาคุ้มครองความคิดและจิตใจของคุณไม่ให้เคร่งเครียดนั่นเอง
สันติสุขที่เหนือธรรมชาติของพระเจ้านี่เอง คือ "สัญญาณ" ที่ทรงพลังที่สุด ที่ส่งไปบอกเซลล์ทุกเซลล์ และยีนทุกตัวในร่างกายของคุณว่า "ทุกอย่างปลอดภัยดีแล้ว ไม่มีอะไรให้น่าหวาดกลัววิตกกังวลแล้ว พระเจ้ารักฉัน พระองค์กำลังดูแลชีวิตฉัน ฉันมีสันติสุขในพระเจ้าแล้ว เจ้ายีนของฉัน จงเปิดสวิชท์เข้าสู่โหมดซ่อมแซมได้เลย"
ดังนั้น คุณไม่ได้มีหน้าที่เป็น "โปรแกรมเมอร์" ที่ต้องคอยเขียนโค้ดสั่งการร่างกายตัวเอง แต่ถ้าคุณเป็นคริสเตียน คุณก็มีสิทธิพิเศษที่สูงส่งกว่านั้นมากครับ
ใน 1 โครินธ์ 6:19 มีเขียนไว้ว่า “ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน...?”
เห็นมั๊ยครับพี่น้อง ร่างกายของคุณไม่ใช่แค่เครื่องจักรชีวภาพ แต่เป็นที่ประทับของพระเจ้าเลยนะครับ! ดังนั้น การดูแลร่างกายจึงไม่ใช่แค่เรื่องดูแลสุขภาพ แต่เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ภายในคุณ
คราวนี้มาถึงคำถามที่ว่า แล้วฉันะดำเนินชีวิตในสันติสุขของพระเจ้านี้ได้อย่างไร?
ประการแรกก็คือ ให้คุณเริ่มต้นทุกเช้าวันใหม่ด้วยการมอบถวายครับ มันไม่ใช่การพยายามควบคุมความเคร่งเครียดวิตกกังวล แต่เป็นการ "มอบถวาย" ความเคร่งเครียดวิตกกังวลทั้งหมดนั้น ให้กับพระเจ้าแทน
ใน 1 เปโตร 5:7 หนุนใจพวกเราว่า "จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่าน" เห็นมั๊ยครับพี่น้อง คุณจะหายจากความกระวนกระวาย เมื่อคุณตระหนักอยู่ตลอดเวลาในจิตใต้สำนึกของคุณว่า พระเจ้าทรงห่วงใยชีวิตคุณ คุณไม่ได้โดดเดี่ยว แต่พระเจ้าทรงอยู่กับคุณและเป็นห่วงคุณในทุกรายละเอียดของชีวิต คล้ายๆเวลาคุณเป็นเด็ก คุณรับรู้ตลอดว่า พ่อแม่รักและห่วงใยคุณ มันจึงทำให้คุณไม่รู้สึกกระวนกระวายหวาดกลัวกับเรื่องใดๆเลย ตอนเป็นเด็กจะมีความรู้สึกนี้และทำให้เด็กเล็กๆมักนอนหลับง่ายและหลับลึกอย่างมีความสุข ก็เพราะเขามั่นใจว่า พ่อแม่รักและห่วงใยเขานั่นเอง ในภาวะที่อารมณ์จิตใจมีสันติสุขนั้น เจ้ายีนที่ทำหน้าที่เป็นสวิทช์อักเสบก็ปิดลง และเปิดสวิทช์ซ่อมแซมขึ้นแทนครับ
ประการที่ 2. โลกนี้สอนให้คุณพยายามนั่งสมาธิทำจิตให้ว่าง พยายามควบคุมความคิดตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน หมายถึงการพยายามหยุดตัวเองไม่ให้คิดนั่นคิดนี่ และทำให้สมองว่างเปล่า แล้วจะมีสันติสุข แต่มันไม่ใช่วิธีของคริสเตียนเลย สำหรับคริสเตียนเราต้องทำอย่างไร ? คริสเตียนเราจะไม่ยอมปล่อยให้สมองว่างเปล่าครับ แต่เราจะ "เติม" ความคิดอารมณ์จิตใจของเรา ด้วยพระสัญญาของพระเจ้าแทน
ใน โคโลสี 3:2 บอกเราว่า "จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก" นี่หมายถึง การแทนที่ความคิดแบบโลกๆ ด้วยความคิดจากสวรรค์ครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้สึกเครียด เพราะหมกมุ่นกับความคิดแก้ปัญหาอะไรบางอย่างที่คุณคิดไม่ตกว่าจะแก้อย่างไร อาจเป็นปัญหาหนี้สินหรือปัญหาความสัมพันธ์ ถ้าเป็นชาวโลกก็จะสอนให้คุณฝึกสมาธิทำสมองให้แบงค์ๆว่างเปล่า แล้วจิตใจจะสงบหายเครียด แต่สำหรับคริสเตียนเรา เราไม่ได้ทำให้สมองแบงค์ๆว่างเปล่า แต่เราเติมสมองเราด้วยพระสัญญาของพระเจ้าเข้าไปแทนตลอดเวลา เช่น ภาวนาถ้อยคำพระเจ้าที่ว่า "พระเจ้ารักฉัน พระเจ้าห่วงใยฉัน พระเจ้าจะช่วยฉันก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้" แล้วก็ปล่อยวางไม่ต้องไปคิดต่อว่าตัวคุณจะแก้ปัญหาอย่างไร เดี๋ยวทางออกจะมาเอง เหมือนเด็กเล็กๆที่เอาปัญหามาบอกพ่อแม่ แล้วเขาก็หลับได้สบายใจเพราะวางใจในความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้เขา หรือคุณอาจเติมสมองของคุณไม่ให้แบงค์ๆว่างเปล่าด้วยการภาวนาพระสัญญาของพระเจ้าทำนองว่า "ฉันเผชิญทุกสิ่งได้โดยพระเจ้าผมทรงเสริมกำลังฉัน" นี่ก็เป็นการเติมสมองคุณให้เต็มด้วยถ้อยคำเชิงบวกของพระเจ้าจากไบเบิล ซึ่งถ้าคุณเชื่อวางใจพระเจ้า คุณก็จะทำให้คุณมีสันติสุขลึกๆ ทำให้ยีนที่ทำหน้าที่เป็นสวิทช์อักเสบปิดลง และยีนที่ทำหน้าที่เป็นสวิทช์ซ่อมแซมเปิดขึ้นได้ครับ ทำให้คุณหลับไปอย่างสันติสุขไม่เครียด แล้วร่างกายคุณก็จะซ่อมแซมตัวเอง เซลล์ไหนอวัยวะไหนที่อักเสบหรือสึกหรอ ก็จะถูกซ่อมแซมโดยอัตโนมัติครับ ซึ่งมันจะเป็นการชะลอความเจ็บป่วยและความแก่ชราได้อย่างได้ผลที่สุด
ประการที่ 3. ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร จะดีหรือจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ให้คุณเลือกที่จะขอบพระคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์ เพราะการขอบพระคุณ จะมีพลังทำลายอำนาจของความหวาดกลัวและความวิตกกังวลที่จู่โจมคุณได้อย่างชงัดเลยครับ ฝึกที่จะขอบพระคุณในทุกเรื่อง ตื่นมาปั๊ปก็พูดขอบคุณพระเจ้าเลยทันทีทำนองว่า ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ลูกยังมีลมหายใจในวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ลูกมีเรี่ยวแรงลุกจากเตียงไม่เป็นอัมพาต แล้วมองซ้ายมองขวา ขอบคุณพระเจ้าที่มีห้องนอนที่หลับสบาย ขอบคุณพระเจ้าที่มีเตียงนอน มีหมอนมีผ้าห่มดีๆ ขอบคุณพระเจ้าที่ฝนตกอากาศเย็นสบาย ขอบคุณพระเจ้าไปเรื่อยๆครับ ทำแบบนี้เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าวิธีหนึ่ง แล้วสันติสุขที่เกินความเข้าใจจะหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจคุณโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เองอย่างอัตโนมัติ ทำบ่อยๆแล้วคุณจะย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นได้ง่ายๆเลย เพราะยีนที่ทำหน้าที่เป็นสวิทช์อักเสบมันถูกปิดลงนั่นเอง
พี่น้องที่รักครับ คุณไม่ใช่เหยื่อของยีน หรือโครโมโซมพันธุกรรม DNA ที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ คุณไม่ใช่เหยื่อของสถานการณ์รอบข้าง แต่ถ้าคุณเป็นคริสเตียน ตอนนี้คุณมีตัวตนใหม่แล้ว คุณถูกสร้างใหม่หมดแล้ว คุณเป็นบุตรสุดที่รักของพระเจ้าแล้ว พระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของสันติสุขและชีวิตที่ร่าเริงของคุณ ดังนั้น พลังในการเปลี่ยนแปลงสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณ ไม่ได้มาจากการ "แฮก" ระบบร่างกายหรือ DNA ด้วยเทคนิคของมนุษย์ แต่มาจากการตระหนักถึงความรักและความห่วงใยของพระเจ้าที่มีต่อคุณอย่างลึกซึ้งถึงจิตใต้สำนึก และ "รับเอา" สันติสุขที่พระองค์ทรงประทานให้เปล่าๆโดยพระคุณของพระองค์ครับ
วันนี้ หากท่านกำลังเหนื่อยล้า... หากท่านกำลังเคร่งเครียด... หากท่านรู้สึกว่าร่างกายกำลังทรยศคุณ ...รู้สึกเหมือนคนแก่ชราไร้เรี่ยวแรงหรือเบื่อโลก ผมอยากหนุนใจให้คุณหยุดพยายามดิ้นรนต่อสู้ด้วยกำลังตัวเอง แล้วหันสร้างความสนิทสนมกับพระเจ้าด้วยความเชื่อวางใจพระองค์
ให้คุณมอบความวิตกกังวลทุกอย่างของคุณไว้กับพระองค์...เหมือนเด็กเล็กๆที่วางใจพ่อแม่ และให้คุณเติมความคิดในสมองของคุณ ด้วยพระสัญญามากมายของพระองค์... และให้คุณขอบพระคุณพระองค์สำหรับความรักความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อคุณอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึง "สันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ" ซึ่งไม่เพียงแต่จะคุ้มครองอารมณ์จิตใจของท่าน แต่จะนำการเยียวยาและการฟื้นฟูมาสู่ร่างกายของคุณด้วย หายจากความเจ็บป่วยและชลอความแก่ชราอีกด้วยครับ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน...
พระเจ้าที่รัก ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข... ลูกขอสารภาพว่าบ่อยครั้งลูกพยายามแบกภาระและความกังวลไว้ด้วยตัวเอง จนส่งผลร้ายต่อทั้งจิตใจและร่างกายของลูก... วันนี้ ลูกขอเลือกที่จะมอบความกระวนกระวายทั้งหมดไว้ที่แทบพระบาทของพระองค์ และทูลขอสันติสุขที่เกินความเข้าใจจากพระองค์ให้เข้ามาคุ้มครองจิตใจ ความคิด และร่างกายของลูกแทน ขอให้ร่างกายของลูกเป็นวิหารที่บริสุทธิ์และถวายเกียรติแด่พระองค์... อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า... อาเมน
เทศนาโดย...คุณบิ๊ก (นักธุรกิจคริสเตียน)