สวัสดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นบทเกริ่นนำของซีรีย์
"เติมพลังชีวิต ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ "เอเฟซัส"" ซึ่งเป็นจดหมายฝากของท่านเปาโลไปถึงคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส เราจะใช้พระคัมภีร์เล่มเล็กๆนี้สำหรับเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกันตลอดซีรีย์นี้นะครับ
ก่อนจะเริ่มเฝ้าเดี่ยว ผมขอปูพื้นความเข้าใจพระคัภภีร์พันธสัญญาใหม่ที่เป็นจดหมายฝากของท่านเปาโลก่อนนะครับ
เปาโลเขียนพระคัมภีร์ในลักษณะจดหมายฝากไปยังคจ.ในเมืองต่างๆ ที่เขาได้ไปบุกเบิกตั้งคจ.ไวัในหมู่คนต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวยิว รวมทั้งหมด 13 เล่ม แต่ละเล่มก็จะมีวัถตุประสงค์แตกต่างกันไป เช่น จดหมายฝากถึงกาลาเทีย ที่เราพึ่งเฝ้าเดี่ยวจบไปในซีรีย์ก่อนหน้า ก็มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขคำสอนผิดสอนเท็จ ที่มีกลุ่มชาวยิวเคร่งสาศนาไปบินเบือนข่าวประเสริฐ กาลาเทียเหมาะมากสำหรับให้คจ.ที่เคร่งศาสนาอ่านและใคร่ครวญ เพื่อดึงกลับมาสู่พระคุณที่มาทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และจดหมายฝากถึงกรุงโรม ซึ่งเราก็ได้เฝ้าเดี่ยวด้วยกันไปแล้วในซีรีย์ก่อนหน้า ก็มีจุดประสงค์เพื่ออธิบายขยายความข่าวประเสริฐอย่างลึกซึ้ง เหมาะมากในการปรับมายเซ็ตให้ถูกต้องว่าข่าวประเสริฐที่แท้จริงคืออะไร เพราะในยุคนี้มีข่าวประเสริฐปลอมๆมากมาย เปรียบเสมือนแบงค์ปลอม คุณไม่สามารถไปวิเคราะห์สำรวจแบงค์ปลอมต่างๆได้ทุกใบ แต่ถ้าคุณศึกษาแบงค์จริงอย่างละเอียดถ่องแท้เพียงอย่างเดียว คุณก็จะมองออกทันทีว่าแบงค์ไหนจริงแบงค์ไหนปลอม ถ้าคุณอยากแยกแยะได้ว่า ข่าวประเสริฐแท้จริงไม่ปลอมมีลักษณะแบบไหนอย่างไร ขอแนะนำให้คุณไปทบทวนจากคลิปซีรีย์เฝ้าเดี่ยวของผมที่ใช้พระคัมภีร์โรมนะครับ ชื่อซีรีย์ว่า ".............." ค้นหาได้จาก playlist ของยูทูปช่องนี้
ส่วนจดหมายฝากถึงคจ.ที่ฟิลิปปี จะเน้นหนุนใจและเสริมสร้างให้คริสเตียนที่เมืองฟิลิปปี ไม่ท้อแท้ท้อถอย แต่ดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดีเสมอ ชื่นชมยินได้แม้ในยามทุกข์ยากลำบาก ถ้าคุณกำลังท้อแท้สิ้นหวังซึมเศร้าอยากตาย ขอแนะนำให้ไปทบทวนจากคลิปซีรีย์เฝ้าเดี่ยวของผมที่ใช้พระคัมภีร์ฟิลิปปีนะครับ ชื่อซีรีย์ว่า "..............." ค้นหาได้จาก playlist ยูทูปช่องนี้ หรือแอดไลน์ทักมาสอบถามได้ที่ไลน์ไอดี bigbig477
สำหรับซีรีย์นี้ เราจะเฝ้าเดี่ยวด้วยจดหมายฝากเปาโลที่ชื่อ เอเฟซัส ทีแรกผมกะว่าจะเฝ้าเดี่ยวด้วย 1-2 โครินธ์ แต่ขอไล่เรียงไปตามลำดับก่อนหลังจะดีกว่า จึงเฝ้าเดี่ยวด้วยเอเฟซัสก่อนโครินธ์ เพราะเอเฟซัสมีจุดประสงค์คือ
✅ ข้อแรก ) เพื่อตอกย้ำว่า เรามีสถานภาพใหม่ หรือก็คือมีตำแหน่งใหม่ ในพระคริสต์แล้ว → คริสเตียนทุกคนได้ถูกเลือกมารับความรอด, ได้รับการไถ่, บังเกิดใหม่ ได้รับชีวิตใหม่, ได้นั่งในสวรรค์สถานกับพระคริสต์แล้ว (บท 1–3) พูดง่ายๆคือ เปาโลต้องการจะบอกคริสเตียนทุกคนว่า คุณมีตัวตนใหม่ มีอัตลักษณ์ใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆล่วงไปแล้ว คือตัวตนเก่าที่บาปของคุณตายแล้ว และตอนนี้ คุณมีชีวิตใหม่ มีตัวตนใหม่ในพระคริสต์แล้ว จุดนี้สำคัญมาก เพราะคุณต้องเข้าใจว่า การเชื่อพระเยซู พระองค์ก็ได้ทำให้คุณเป็นคนที่พระเจ้าต้องการให้คุณเป็นเรียบร้อยแล้วในมิติฝ่ายวิญญาณ ดังนั้น คุณจึงไม่ต้องพยายามจะทำตัวให้เป็นคนที่พระเจ้าต้องการให้คุณเป็นแล้วด้วยการดิ้นรนทำตามบัญญํติ เพื่อให้พระเจ้ายอมรับคุณ แต่พระองค์ยอมรับคุณแล้ว คุณจึงได้เป็น พูดง่ายๆคือ คุณได้รับมรดกฝ่ายวิญญาณเรียบร้อยแล้ว ให้คุณเปิดพินัยกรรมแล้วอ่านอย่างละเอียดว่า ในพินัยกรรมเขียนไว้ว่า คุณได้รับอะไรแล้วบ้าง จากนั้นก็ให้รับเอาด้วยความเชื่อ แต่เป็นพินัยกรรมด้านฝ่ายวิญญาณนะครับ ไม่ใช่พินัยกรรมด้านทรัพย์สินเงินทอง .....................นี่คือหลักการของคต.ในพันธสัญญาใหม่นะครับ
✅ 2) จุดประสงค์คือ เปาโลต้องการย้ำว่า พินัยกรรมฝ่ายวิญญาณคือ ตอนนี้พระเจ้ามองคุณด้วยมุมมองใหม่แล้ว คุณเป็นคนตามที่พระองค์ต้องการแล้วในด้านฝ่ายวิญญาณ โดยความเชื่อในกางเขนพระเยซู จุดประสงค์ข้อสองของหนังสือเอเฟซัสก็คือ คุณก็ควรดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสิ่งที่คุณเป็นแล้ว หรือได้รับตามพินัยกรรมมาแล้ว นั่นคือ ดำเนินชีวิตใหม่ด้วยความรัก มีความสามัคคีในคริสตจักร, และมีชนะเหนืออาณาจักรแห่งความมืด สิ่งที่คุณต้องทำคือ ท่องสถานภาพใหม่ในพระคริสต์ของคุณให้จำขึ้นใจ สถานภาพใหม่ในพระคริสต์ก็คือพินัยกรรมฝ่ายวิญญาณที่คุณได้รับนั่นเอง ท่องจนฝังลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึก แล้วคุณจะค่อยๆดำเนินชีวิตได้ตามตัวตนใหม่นั้นโดยอัตโนมัติ โดยพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทับอยู่ในตัวคุณครับ
💡 สรุปสั้นๆจุดประสงค์ของพระคัมภีร์ “เอเฟซัส ก็คือ บอกให้คุณรู้ถึงสถานภาพใหม่ในพระคริสต์ หรือก็คือตัวตนใหม่ของคุณ + การดำเนินชีวิตที่เหมาะสมกับสถานภาพใหม่ หรือตัวตันใหม่นั้น”
คราวนี้ผมขอเกริ่นถึงบริบทความเป็นมาของเมืองเอเฟซัสก่อน เอเฟซัสเป็นเมืองท่าการค้าใหญ่ที่สุดในแคว้นเอเชียไมเนอร์ (ซึ่งคือประเทศตุรกีใน ปัจจุบัน) มีวิหารไดอาน่า (เทพีอาร์เทมิส) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณสมัยนั้น และเมืองนี้ก็เป็นศูนย์รวมไสยศาสตร์ เครื่องราง เวทมนตร์ และรูปเคารพ เปาโลเดินทางผ่านเมืองนี้เพื่อกลับเยรูซาเล็มและได้ประกาศไว้จนมีผู้เชื่อ และในการเดินทางประกาศรอบสาม เขาก็ไปแวะเยี่ยมเมืองนี้อีก และพักอาศัยที่เมืองนี้นานถึงเกือบ 3 ปี เพื่อก่อตั้งคจ.และเลี้ยงดูจิตวิญญาณสมาชิกที่นี่ ต่อมา เปาโลถูกจับไปขังคุกครั้งแรกที่กรุงโรม และเขาก็ได้เขียนจดหมายฝากฉบับนี้ส่งมาหนุนใจและเสริมสร้างคริสเตียนในเอเฟซัส และได้ส่งทิโมธี ศิษย์เอกของเปาโล ให้มาเป็นศิษยาภิบาลที่คจ.แห่งนี้ครับ
แก่นเนื้อหาสาระของจดหมายฝากฉบับนี้คือ
ประเด็นแรก เปาโลพูดถึง พระเจ้าทรงกำกับดูแล เคลื่อนไหว และค้ำจุนความรอดของคริสเตียนเรา ตามน้ำพระทัยดีเลิศและแผนการนิรันดร์ของพระองค์ ที่เปี่ยมด้วยควมรัก เมื่อเราตอบสนองต่อความรักของพระคริสต์ โดยเชื่อวางใจในพระองค์ แผนการและน้ำพระทัยดีเลิศของพระองค์ ก็จะกลายมาเป็นแผนการชีวิตของเรา ลองทบทวนตัวเองว่า ขณะนี้คุณได้ดำเนินชีวิตอย่างสอดคล้องกับแผนการและน้ำพระทัยยอดเยี่ยมของพระเจ้าแล้วหรือยัง
ประเด็นที่สอง เปาโลพูดถึงพระเยซูคริสต์ ได้รับการเชิดชูให้เป็นศูนย์กลางแห่งความหมายสูงสุดของจักรวาล และเป็นจุดรวมของประวัติศาสตร์มนุษยชาติทั่วโลก พระองค์เป็นศรีษะของร่างกายซึ่งก็คือคจ. พระองค์คือพระผู้สร้างและผู้ค้ำจุนของสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง ดังนั้น อำนาจของพระองค์ต้องเป็นศูนย์กลางในชีวิตเราด้วย เริ่มโดยการยอมให้พระองค์ครอบครองและคุวบคุมลำดับความสำคัญก่อนหลังในชีวิตเรา
พี่น้องที่รักครับ ผมเองเคยจัดลำดับก่อนหลังผิด เมื่อ 20 ปีก่อน หลังจากรับเชื่อแล้ว ผมยังมัวโฟกัสไปที่การสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้ตนเอง และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง จนกระทั่งธุรกิจของผมเจ๊งเพราะได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิที่ภูเก็ต เวลานั้นผมจึงได้ยินเสียงพระเจ้าที่มาเตือนผมให้อ่านพระคัมภีร์ฮักกัย ซึ่งไฮไลท์สำคัญของผู้เผยพระวจนะฮักกัยคือการดึงผู้เชื่อให้หันมาจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในชีวิตใหม่ โดยควรให้ความสำคัญกับการเติบโตฝ่ายวิญญาณก่อน ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เป็นที่หนึ่งในชีวิต แล้วทุกสิ่งจะดีเองตามมาภายหลัง พูดง่ายๆก็คือ ให้แสวงหาแผ่นดินพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ เห็นมั๊ยครับพี่น้อง นี่เป็นการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังใหม่นะครับ ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องขยันทำธุรกิจการงานเลย แต่แปลว่า ให้ขยันแสวงหาด้านฝ่ายวิญญาณก่อนด้านอื่นๆครับ
ประเด็นที่สาม เปาโลอธิบายถึงลักษณะของคริสตจักรที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้า จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพระคริสต์ โดยเปรียบเทียบว่า พระคริสต์เป็นศรีษะ และคริสเตียนทุกคนเป็นอวัยวะในร่างกายของพระองค์ คจ.อยู่ร่วมกันไม่ใช่แบบบริษัทหรือองค์กร แต่อยู่ร่วมกันแบบครอบครัว และเชื่อมต่อถึงกันโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทับอยู่ในคริสเตียนแต่ละคน เราควรพัฒนาความสัมพันธ์เป็นส่วนตัวกับพระเจ้าโดยทางพระวิญญาณเสมอทุกๆวันด้วยการเฝ้าเดี่ยว สนทนาสื่อสารสองทางกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และขณะเดียวกัน ก็ไม่แยกตัวโดดเดี่ยว เราต้องมีสามัคคีธรรมเข้าส่วนกับคริสเตียนคนอื่นๆด้วย ความสัมพันธ์ของคริสเตียนเราก็เหมือนการเป็นพี่เป็นน้องในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเป็นครอบครัวฝ่ายวิญญาณ
คุณอยู่ในคจ.เพื่อจะเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ คุณจะได้ใช้ของประทานเพื่อปรนนิบัติรับใช้กันและกันและรับใช้พระเจ้าร่วมกัน และคุณก็เป็นฝ่ายรับด้วย คือรับการหนุนใจ เสริมสร้าง เตือนสติ และรับการช่วยเหลือจากพี่น้องคนอื่นๆ ในช่วงเป็นคริสเตียนผู้เชื่อใหม่ โดยส่วนใหญ่คุณจะเป็นฝ่ายรับ แต่เมื่อจิตวิญญาณคุณเติบโตขึ้น คุณจะค่อยๆเป็นฝ่ายให้ ดังนั้น อย่าแยกตัวจากคจ. แต่ให้เข้าร่วมในครอบครัวพระเจ้า และเข้าส่วนเป็นอวัยวะในพระกายพระคริสต์
ที่สำคัญคือ การไปโบสถ์ไม่ใช่ข้อบังคับ ไม่ได้หมายถึงถ้าคุณไม่ไปแล้วจะถูกพระเจ้าลงโทษหรือไม่อวยพร แต่การไปโบสถ์ก็เพื่อคุณจะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระเจ้า ฝึกที่จะรักซึ่งกันและกัน และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระกายพระคริสต์ครับ ถ้าใครสอนคุณว่า เป็นคริสเตียนไม่ต้องไปโบสถ์ก็ได้ ถ้าเขาพูดแค่นี้ เขากำลังสอนผิดสอนเท็จ พูดเพื่อนเอาใจคนฟังครับ คือสอนถูกแค่ครึ่งหนึ่ง แต่คำสอนที่ถูกต้อง จะต้องสอนครบถ้วน คือหนุนใจ(หนุนใจไม่ใช่ขู่เข็ญบังคับนะครับ มันคนละฟิลเลย) การหนุนใจคือการให้กำลังใจคต. ให้อุทิศเวลาไปโบสถ์ด้วย ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แต่ไปเพราะรัก รักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองครับ มันเป็นการตอบสนองต่อความรักของพระเจ้า ความรักที่ถูกผลิตขึ้นโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทับอยู่ในตัวคริสเตียนเราทุกคน นี่จึงเป็นข่ววประเสริฐที่ถูกต้องและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างแท้จริงครับ
ประเด็นที่สี่ เปาโลให้กำลังใจคริสเตียนทุกคนให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา และมีพลัง โดยใช้ชีวิตตามมาตรฐานใหม่ของพระคริสต์ ไม่ใช่กฎศาสนา แต่พระองค์ทำให้เราเป็นแล้ว เราจึงทำ และไม่ใช่ทำด้วยพลังตัวเองฝ่ายเดียว เพราะพระเจ้าได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในตัวเราแล้ว เพื่อช่วยให้เราดำเนินชีวิตตามอย่างที่พระเจ้าให้เราเป็นได้ โดยละทิ้งความปราถนาชั่ว และพึ่งพาพลังอำนาจของพระวิญญาณ ยอมมอบเจตนารมณ์ของคุณไว้กับพระคริสต์ และทำทุกสิ่งด้วยความรักที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
(ถ้าคุณไม่มีเวลาอ่านต่อ คุณสามารถเข้าชมได้จากคลิปเสียงในยูทูปข้างล่างนี้ หรือถ้าคุณชอบอ่าน ก็อ่านต่อด้านล่างได้ตามอัธยาศัยครับ)
ในขณะที่เปาโลเขียนจดหมายฝากเอเฟซัสนี้ เขาเป็นคริสเตียนมาแล้วเกือบ 30 ปี ได้เดินทางประกาศมา 3 รอบแล้ว และตั้งคจ.ต่างๆรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่เขียนจดหมายฝากฉบับนี้ เขาติดคุกอยู่นะครับ คือถูกกักบริเวณในบ้านหลังหนึ่งในกรุงโรม อ่านรายละเอียดได้ใน กจ. 28 ถึงจะเป็นนักโทษ แต่ก็มีเสรีภาพเขียนจดหมายและส่งออกมานอกคุก
จักรวรรดิโรมันในยุคนั้น มี 5 เมืองใหญ่สำคัญๆ ได้แก่ โรม โครินธ์ อันทิโอก อเล็กซานเดีย และเอเฟซัส สำหรับเฝ้าเดี่ยวในซีรีย์ เราจะเดินทางไปกับพระธรรมเอเฟซัสด้วยกัน .......ประมาณ 6 บท แล้วชีวิตคุณจะได้รับการเติมพลังจากพระเจ้าทุกๆวัน กดกระดิ่งกดติดตามไว้เลยนะครับ
พี่น้องที่รักครับ เอเฟซัส เป็นเหมือนพินัยกรรม เป็นมรดกฝ่ายวิญญาณเล่มเล็ก แต่ล้ำค่ามาก ที่เปาโลเขียนให้ผู้เชื่อทุกคนได้ตระหนักว่า
“ตั้งแต่คุณมาเป็นคริสเตียน คุณไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดาอีกต่อไป... แต่คุณคือคนที่พระเจ้าทรงเลือก ทรงเรียก และทรงไถ่ คุณบังเกิดใหม่แล้ว และพระองค์ประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว! คำว่าประทับตรา หมายถึง พระวิญญาณเข้ามาอยู่ในตัวคุณแล้ว คุณถูกซื้อไว้แล้วด้วยราคาสูงคือโลหิตพระคริสต์ คุณจึงถูกมัดจำเอาไว้เป็นของพระองค์เรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณหมดเวลาบนโลก พระองค์ก็จะรับคุณไปอยู่สวรรค์กับพระองค์ชั่วนิรันดร์”
ดังนี้ พี่น้องที่รัก ไม่ว่าวันนี้หรือเมื่อวานนี้ คุณจะผิดพลาดล้มเหลว หรืออ่อนระโหยโรยแรงแค่ไหนเพียงไร ขอหนุนใจให้คุณตระหนักไว้เสมอว่า
“สิ่งเก่าๆ ล่วงไปแล้ว — คุณเป็นสิ่งทรงสร้างใหม่ในพระคริสต์”
และเพราะขณะนี้ คุณเป็นอย่างที่พระเจ้าบอกแล้ว... คุณจึงดำเนินชีวิตอย่างผู้ที่พระเจ้ายอมรับแล้วได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องวิ่งไล่หาการยอมรับจากชาวโลกอีกต่อไป
ผมขอหนุนใจให้เรามาเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องไปจนจบซีรีย์นะครับ แต่ละวันที่เข้าเฝ้าพระเจ้า พระองค์จะพาเราเดินทีละก้าว ตั้งแต่ ปูพื้นความเข้าใจตัวตนใหม่หรืออัตลักษณ์ใหม่ของคุณในพระคริสต์ ไปจนถึง วิธีใช้ชีวิตใหม่ด้วยพลังแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะยืนหยัด เหนือการล่อลวงของอาณาจักรความมืด และดำเนินชีวิตในความรัก ความสามัคคี และมีชัยชนะในพระคริสต์ทุกๆวัน
ขอให้ซีรีย์ เติมใจเติมพลัง ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากเอเฟซัส เป็นเหมือนน้ำทิพย์จากสวรรค์รินรดหัวใจคุณ และเป็นความหวังกำลังใจให้คุณลุกขึ้นดำเนินชีวิตอย่างสมเกียรติ ตามที่พระเจ้าประทานไว้ให้แก่คุณแล้ว!
คำถามสะกิดใจสำหรับใคร่ครวญสำหรับบทเกริ่นนำนี้
ข้อแรก ขณะนี้ คุณเข้าใจจริงหรือยัง ว่าพระเยซูทำให้คุณบังเกิดใหม่แล้ว กลาย “เป็น” สิ่งทรงสร้างใหม่แล้ว — ไม่ใช่ต้องพยายาม “ทำ” เพื่อจะเป็น แต่คุณเป็นแล้ว คุณจึงทำ ไม่ต้องพยายามให้พระเจ้ารัก เพราะพระเจ้ารักคุณแล้ว พระเจ้ายอมรับคุณแล้ว คุณจึงดำเนินชีวิตใหม่อย่างสมกับที่พระเจ้ารักและยอมรับคุณ คุณเข้าใจหลักการนี้แล้วถ่องแท้แล้วหรือยัง?
2 คุณเคยเอาความล้มเหลวหรือความผิดพลาดในอดีต มาจำกัดตัวเอง กักขังตัวเองในตัวตนเก่าๆหรือเปล่า จนหลงลืมไปว่า ขณะนี้คุณมีสถานภาพตัวตนใหม่ในพระคริสต์แล้ว? พระเจ้ากำลังสร้างสิ่งใหม่ๆในตัวคุณอยู่ตลอดเวลา คุณรู้ตัวแล้วหรือยัง?
3 ทุกวันนี้ ใครหรือสิ่งใดเป็นศูนย์กลางในการกำหนดความหมายและคุณค่าชีวิตของคุณ — พระเยซูคริสต์จริงๆ หรือคุณยังยึดติดกับสิ่งอื่นๆ? คุณยังหลงรักโลกและสิ่งของในโลกอยู่หรือไม่อย่างไร? คุณคิดว่า คุณมีนิสัยใหม่ คือรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองแล้วหรือยัง?
4 คุณกำลังดำเนินชีวิตในแบบคนที่พระเจ้าออกแบบให้คุณเป็นแล้ว หรือคุณยังคงใช้วิธีเดิมๆ ของโลกนี้จัดการชีวิตตัวเอง? ยังเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง โดยไม่ได้ให้พระองค์เป็นศูนย์กลางอยู่หรือเปล่า?
5 คุณพร้อมไหม ที่จะเปิดใจให้พระวิญญาณปลุกชีวิตคุณในทุกบททุกข้อของพระคัภภีร์เอเฟซัส — เพื่อคุณจะได้เดินในความจริง และในพลังของพระเจ้าอย่างแท้จริง?
ให้คุณทบทวนตัวเองและอธิษฐานถามพระวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมกันไปแล้ว แล้วร่วมสนุกกัน ด้วยการพิมพ์คำตอบลงในคอมเม้นท์ใต้คลิปนี้ พรุ่งนี้เราจะมาเริ่มบทแรกของเอเฟซัสกัน เพื่อชีวิตคุณจะได้รับการเติมพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วคุณจะกลายเป็นท่อพระพรใหญ่ไปสู่คนมากมายได้ อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง ขอพระเจ้าอวยพร