🔥 **ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์ | บทที่ 11 - ควรหนีหรือไม่?** 🏃♂️💨
สวัสดีครับพี่น้อง! 🙌 วันนี้เรามาเฝ้าเดี่ยวจาก **สดุดีบทที่ 11** ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดาวิดต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ – **ควรหนีหรือยืนหยัดในความเชื่อ?** 🤔
📖 ดาวิดกล่าวว่า **"ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระเจ้า"** แต่ในทางปฏิบัติ เขาก็ยังหลบหนีจากกษัตริย์ซาอูลและอับซาโลม ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? **หลบหนีแปลว่าขาดความเชื่อหรือไม่?** และเราควรทำอย่างไรเมื่อเผชิญปัญหา?
🔥 **เรม่าห์จากพระวิญญาณ** 💡
👉 พระเยซูเองยังเคยตรัสว่า **"เมื่อพวกเขาข่มเหงท่านในเมืองหนึ่ง จงหนีไปอีกเมืองหนึ่ง"** (มัทธิว 10:23)
👉 การหลบหนีไม่ได้หมายถึง **ขาดความเชื่อ** แต่บางครั้งเป็นการใช้ **สติปัญญาและความยืดหยุ่น** ในการเดินตามพระเจ้า 🏆
👉 คนที่หลบหนีเพราะ **หวาดกลัว** มักเกิดจากการขาดความเชื่อ แต่ถ้าเราหนีเพราะ **ความรักสันติและการวางแผนอย่างชาญฉลาด** พระเจ้าก็ทรงนำเสมอ ✨
⏳ **ฟังเรม่าห์ที่พระเจ้าจะตรัสกับคุณ!**
📌 อย่าลืมคอมเมนต์แชร์ความคิดและประสบการณ์ของคุณใต้คลิป 💬
📌 กดไลก์ 👍 แชร์ 💌 และกดติดตาม 🔔 เพื่อรับคำหนุนใจทุกวัน!
#เฝ้าเดี่ยว #สดุดี11 #ความเชื่อ #พระเจ้าทรงนำ #BigMiracle #ไทยโลคอลลี่
จัดทำคลิปโดย....คุณบิ๊ก
พันธกิจ...Big Miracle
Line ID...BigBig477
สวัสีดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นบทที่ 11 ของซีรีย์ "ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์" ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ สดุดี
สำหรับบทที่ 11 นี้ เป็นตอนที่ดาวิดตัดสินใจว่าจะหนีหรือไม่ อาจเป็นช่วงที่กษัตริย์ซาอูลต้องการจะฆ่าดาวิด หรือเป็นช่วงที่ลูกชายอับซาโลมกบฎจะฆ่าพ่อ
ผมขอสรุปย่อๆดังนี้
ในข้อ 1 ดาวิดกล่าวว่า "เข้าลี้ภัยในพระยาเวห์ แล้วไฉนพวกท่านจึงมาบอกให้หนี เหมือนนกที่บินขึ้นไปบนภูเขา "
ตรงนี้หมายถึง คนรอบตัวดาวิดมาให้คำแนะนำว่า เขาควรหนีไป เหมือนที่นกบินหนีขึ้นไปบนเขา ธรรมชาติของนกเวลากลัวอะไรก็จะบินหนีขึ้นที่สูงคือยอดเขาครับ แต่ดาวิดประกาศความเชื่อว่า เขาลี้ภัยในพระองค์
ในข้อ 2- ข้อสุดท้ายคือข้อ 7 ดาวิดกล่าวว่า แม้คนชั่วจะโก่งธนูในที่มืด แต่พระเจ้าทรงมองเห็น และพระองค์จะเทถ่านเพลิงและไฟกัมมะถันลงใส่คนชั่ว คนชอบธรรมจะได้รับความปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย
ถึงตรงนี้ ให้คุณหยุดชั่วขณะและอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์อะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหรือไม่อย่างไร สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ พระวิญญาณทำให้ผมปิ๊งแวบกับคำว่า หนี ผมจึงเอาคำว่า หนี มาเป็นหัวข้อสนทนากับพระวิญญาณ
ผมถามพระองค์ว่า ดูเหมือนพระคัมภีร์ตอนนี้ ดาวิดจะประกาศความเชื่อว่า เขาวางใจเข้าลี้ภัยในพระยาเวห์ คนชั่วจะถูกถ่านเพลิงและไฟกำมะถัน แต่ตามที่ได้อ่านในหนังสือซามูเอล เขียนไว้ว่า ดาวิดหลบหนีจากซาอูลและหลบหนีจากอับซาโลม ไม่เห็นตรงกับที่ดาวิดกล่าวในตอนนี้ คนรอบข้างแนะนำให้เขาหนี เขาก็หนี แต่ทำไมดูเหมือนเขาจะพูดโต้แย้งกับคนรอบข้างทำนองว่า เขาจะไม่หนี เพราะเขาลี้ภัยในพระยาเวห์ รู้สึกว่าจะย้อนแย้งกัน เพราะเขาก็ได้หนีหัวซุกหัวซุนเข้าไปในถิ่นทุรกันดารถึง 2 ครั้งเลย
ผมสัมผัสได้ว่า พระวิญญาณยิ้มให้ผมในวิญญาณจิต และตอบว่า การหลบหนีไม่ได้แปลว่าขาดความเชื่อวางใจพระเจ้าเสมอไป ผมจึงโต้แย้งพระองค์ว่า อ้าว แล้วจะเป็นไปได้หรือที่หลบหนีทั้งๆที่มีความเชื่อวางใจว่าจะลี้ภัยในพระเจ้าได้ มันย้อนแย้งกันชัดๆ คือเวลาคนเราหนีจากภัยอันตราย ก็เพราะเขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะปกป้องคุ้มครองเขา เขากำลังขาดความเชื่อไม่ใช่หรือ ดาวิดกล่าวว่า เขาลี้ภัยในพระเจ้า เขาก็ต้องอยุ่ที่เดิมสิ ทำไมต้องหนีหัวซุกหัวซุนเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
แล้วพระวิญญาณก็ยิ้มให้ผมในวิญญาณจิตอีกครั้ง ผมนั่งรอคำตอบจากพระองค์อย่างใจจดใจจ่อ ดูว่าพระองค์จะตอบอย่างไร ชั่วอึดใจหนึ่งที่ผมเฝ้ารอฟังพระสุรเสียง ก็มีความคิดนึงผุดปิ๊งแวบขึ้นมาในใจ พระองค์ทำให้ผมระลึกได้ถึง
มัทธิว 10:23 – พระเยซูตรัสว่า "เมื่อพวกเขาข่มเหงท่านในเมืองหนึ่ง จงหนีไปอีกเมืองหนึ่ง"
แล้วพระวิญญาณก็สอนผมว่า การหลบหนีไม่ได้หมายถึงการขาดความเชื่อวางใจพระเจ้าเสมอไป พระเยซูก็เคยสอนสาวกว่าให้หลบหนีศัตรู เพราะถ้าไปประกาศข่าวประเสริฐเมืองใดแล้วเขาต่อต้านข่มเหงทำร้าย ก็ให้หนีไปเมืองอื่นเพื่อประกาศต่อไป ตรงนี้หมายถึง การหลบหนีภัยอันตราย ไม่ใช่ด้วยท่าทีของความหวาดกลัวหรือขาดความเชื่อ แต่ด้วยท่าทีของการรักสันติ อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใคร และก็ต้องฉลาด ไม่ใช่รอให้เขามาทำร้าย แต่ไม่ได้หมายถึง หลบหนีด้วยความขลาดกลัวและขาดความเชื่อวางใจพระเจ้า
แล้วพระองค์ก็สอนผมต่อว่า แม้ดาวิดจะประกาศความเชื่อวางใจพระเจ้า เชื่อว่าสามารถลี้ภัยในพระเจ้าได้ แต่ดาวิดก็ยังหลบหนี นั่นไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวและขาดความเชื่อวางใจพระเจ้า แต่เป็นเพราะดาวิดใช้สติปัญญา ไม่สุดโต่งตกขอบ เขาไม่ต้องการต่อสู้กับซาอูล ซึ่งพระเจ้าได้ตั้งไว้ให้เป็นกษัตริย์ เขาจึงเลือกที่จะหลบหนี แต่ในขณะที่หลบหนี เขาก็ยังเต็มไปด้วยความเชื่อวางใจพระเจ้า และไม่สิ้นหวัง
ส่วนการที่ดาวิดหลบหนีอับซาโลม ก็ไม่ใช่หวาดกลัวและขาดความเชื่อวางใจพระเจ้า แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการต่อสู้กับลูกชายตัวเอง เขาไม่ได้หลบหนีเพราะรักตัวกลัวตาย แต่เพราะไม่อยากสู้กับพวกกบฎของลูกชาย แล้วทำให้ประชนชนในการปกครองของเขาต้องนองเลือดกับสงครามกลางเมืองแย่งชิงบัลลังก์ เขาจึงเลือกที่จะหลบหนี แต่ในขณะที่หลบหนี เขาก็ยังเต็มไปด้วความเชื่อวางใจพระเจ้า และไม่ท้อแท้สิ้นหวัง แม้อาจจะรู้สึกโศกเศร้าเสียใจที่ลูกชายกบฎ แต่เขาก็ไม่ได้สิ้นหวังในพระเจ้า
โอ้ไอซี ถึงตรงนี้ผมก็ get มากขึ้นกับเรม่าห์ที่ได้รับ ตรงนี้สะท้อนถึง เวลาคริสเตียนเราเจอกับภัยอันตรายใดๆ เช่น อาจไปประกาศแล้วถูกต่อต้านข่มเหงทำร้าย ก็อย่าใช้ความเชื่อแบบสุดโต่งตกขอบเกินไป แต่ให้มีสติปัญญาที่จะล่าถอยไปก่อน ไม่จำเป็นต้องยืนหยัดแล้วอ้างว่าพระเจ้าจะคุ้มครอง คือให้ไปประกาศที่เมืองอื่นแทนก็ได้ ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงหวาดกลัว แต่หมายถึงฉลาดที่จะยืดหยุ่นปรับตัวไปตามสถานการณ์ และยังคงรักษาความเชื่อศรัทธาวางใจพระเจ้าเสมอ
ผมนึกว่าพระวิญญาณจะจบเรื่องสนทนากับผมแล้ว แต่พระองค์ยังสอนผมต่ออีกว่า
การหลบหนีปัญหา มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุใหญ่ๆที่ทำให้คนหลบหนีปัญหาคือ สาเหตุแรก หลบหนีเพราะหวาดกลัวอันตราย กลัวความตาย สาเหตุที่สองคือ หลบหนีเพราะสิ้นหวัง อันนี้ไม่กลัวความตาย แต่อยากตาย เพื่อจะได้หลบหนีปัญหาที่รู้สึกสิ้นหวัง หมดกำลังใจจะสู้ชีวิตต่อไป
แล้วพระองค์ก็สอนผมว่า คนที่หลบหนีปัญหาด้วยความหวาดกลัวต่อปัญหา มักเกิดจากการขาดความเชื่อวางใจในพระเจ้า เขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะปกป้องคุ้มครองเขา เขาจึงเลือกที่จะหลบหนีปัญหา และระหว่างการหลบหนี ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีความเชื่อ แต่ดาวิดหลบหนีก็จริง แต่ขณะที่หลบหนี เขาก็ยังร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าได้ตลอดทาง มีคริสเตียนหลายๆคนที่หลบหนีปัญหาเพราะหวาดกลัว เขาไม่เข้ามาแสวงหาการปกป้องจากพระเจ้า จิตวิญญาณเขาจึงไม่เติบโตในความเชื่อวางในพระเจ้า แล้วเมื่อหนีปัญหาหนึ่งได้ เขาก็จะต้องหนีปัญหาอื่นๆอีกเสมอ เพราะจิตวิญญาณไม่เติบโตในความเชื่อนั่นเอง แต่เพื่อให้สมดุล ก็ไม่ใช่ว่าจะหลบหนีเลยไม่ได้นะครับ ดาวิดก็ยังหนี แต่หนีอย่างไว้วางใจพระเจ้า คริสเตียนต้องยืดหยุ่นไปตามการทรงนำของพระเจ้า ไม่ใช่โง่ๆทื่อๆสุดโต่งตกขอบนะครับ
่แล้วพระวิญญาณก็ทำให้ผมระลึกได้ถึง
1ซามูเอล 31:4 "ซาอูลจึงตรัสกับผู้ถืออาวุธของตนว่า ‘จงชักดาบของเจ้ามาฆ่าข้าเสียเถิด เกรงว่าคนเหล่านี้จะมาบีบบังคับข้าและทำให้ข้าตกเป็นเชลย’ แต่ผู้ถืออาวุธของเขากลัวที่จะฆ่าเขา จึงซาอูลจึงเอาดาบเสียบเข้าไปในท้องของตัวเอง"
ในตอนนี้ พระวิญญาณสอนผมว่ ซาอูลไม่ได้หลบหนีปัญหาเพราะรักตัวกลัวตาย แต่เป็นเพราะเขากำลังรู้สึกสิ้นหวังที่พ่ายแพ้ เขาจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหลบหนีปัญหา ตรงนี้สำหรับคนที่กำลังอยากตายคงจะคุ้นๆนะครับ
คุณรู้มั๊ยครับว่า คนที่อยากตาย สาเหตุเพราะอะไร น่ั่นก็ล้วนเป็น เพราะเขากำลังหมดหวังสิ้นหวังกับอนาคตไงหล่ะครับ เขามีมายเซ็ตแบบ fix mindsetว่า ชีวิตต่อไปข้างหน้า ไม่มีความหวังว่าอนาคตจะดีขึ้นได้อย่างไรแล้ว เขาทนกับสภาพที่ตกต่ำไม่ได้ เขาทนกับชีวิตที่ไม่สุขสบายเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ หรือเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยที่ต้องต่อสู้ตามลำพัง มันเป็นสภาพของคนสิ้นหวังครับ เขาจึงเลือกที่อยากจะหนีปัญหานี้โดยจะจบชีวิตตัวเองลง ขอย้ำว่า นี่ก็คือการหลบหนีชนิดหนึ่งคือ หลบหนีความจริง หลบหนีปัญหา ไม่มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรคหรือปัญหา ก็เพราะสิ้นหวังครับ
แต่คริสเตียนเราไม่ควรจะสิ้นหวัง เพราะเรามีพระเจ้าผู้รักและห่วงใยเรา พระองค์จะใช้เหตุการณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือร้าย เพื่อก่อให้เกิดผลดีแก่ชีวิตเราในภายหลังแน่นอน คือพระองค์สามารถจะเปลี่ยนเรื่องร้ายๆให้กลายเป็นดีได้เสมอ สำหรับคนที่รักพระองค์และแสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง คนนั้่นจะได้รับความหวังและกำลังใจจากพระองค์ ในการต่อสู้กับปัญหา ถ้าเขาเลือกที่จะยืนหยัดสู้ต่อ โดยเชื่อวางใจการจัดเตรียมและการทรงนำจากพระเจ้า ก้าวไปทีละก้าวกับพระเจ้าในทุกๆวัน จิตวิญญาณเขาก็จะเติบโตเข้มแข็งขึ้น มีพลังกายพลังใจมากขึ้น แต่ถ้าเขาเลือกที่จะหลบหนี เลือกที่จะจมอยู่กับความท้อแท้สิ้นหวัง เลือกที่จะหนีออกห่างจากพระเจ้า มันจะทำให้ยิ่งย่ำแย่ลง จิตวิญญาณเขาก็จะป่วยและอ่อนแอปวกเปียก ซึ่งยิ่งทำให้ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
ถึงตรงนี้ผมก็นึกได้ถึงเหตุการณ์ในอดีตสมัยที่ผมธุรกิจที่ภูเก็ตของผมเจ๊งจากสึนามิและเป็นหนี้ก้อนโตครอบครัวแตกแยก เวลานั้นผมรู้สึกหมดหวังสิ้นหวังกับอนาคตอย่างแรง ผมมองไม่เห็นเลยว่า อนาคตจะดีขึ้นได้อย่างไร และผมก็รู้สึกอยากตายวันละหลายๆครั้ง เคยคิดหาวิธีฆ๋าตัวตายหลายๆแบบ คิดว่าจะเลือกแบบที่สบายๆที่สุดไม่เจ็บปวด
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่ได้เลือกหนีปัญหาด้วยวิธีที่ไม่ฉลาดแบบนั้น แต่ผมเลือกที่จะเข้ามาแสวงหาพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ คือชีวิตคุณเป็นผลจากการเลือกของคุณครับ คุณเลือกแบบไหนชีวิตคุณก็เป็นแบบนั้น
ผมคิดไปคิดมาแล้วก็คิดว่า ไหนๆก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องการเป็นเจ้าของชีวิตนี้ต่อไป ก็มีทางเลือกสองทางคือ ตายไปเลย หรืออีกทางคือ มอบถวายชีวิตที่เหลืออยู่ให้พระเจ้าใช้ คือมันก็ตายเหมือนกันใช่มั๊ยครับ แต่ทางเลือกหลังเป็นการตายต่อความปราถนาของตัวเอง ตายต่อเนื้อหนังตัวเอง ตายต่อความฝันของตัวเอง แล้วให้พระเจ้าผู้สร้างผมเข้ามาครอบครอง พระองค์อยากใช้ชีวิตผมทำอะไร ก็แล้วแต่พระองค์ได้เลย ไหนๆผมก็จะตายอยู่แล้ว ขอตายแบบมีประโยชน์ มีคุณค่าดีกว่า คือขอมอบชีวิตให้พระองค์ใช้ผม มันดีกว่าตายแบบฆ่าตัวตาายอย่างไร้ค่าแล้วก็ต้องไปอยู่ในนรก ผมจึงเลือกมอบชีวิตให้พระเจ้า แทนที่จะมอบชีวิตให้นรกครับ
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็เอาจริงเอาจังกับการเป็นคริสเตียน เลิกมีความหวังหรือความฝันของตัวเอง แต่หันมามีความหวังและมีความฝันในนิมิตและแผนการของพระเจ้าแทน แล้วพระองค์ก็ประทานนิมิตให้ผม โดยทรงนำให้ผมจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังใหม่ ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง มาก่อนธุรกิจการงานหรือครอบครัว ทำอะไรคิดถึงแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าก่อน
ต่อมา พระองค์ก็เตรียมชีวิตผมในการรับใช้แบบฆารวาส เป็นสาวกที่เป็นนักธุรกิจคริสเตียน ไม่ใช่เป็นผู้รับใช้เต็มเวลาในโบสถ์ เพราะผมก็ยังมีความรู้ทักษะความสามารถในการงานทางโลกมากมายอยู่ ที่พระองค์จะใช้ผมได้ ถ้าไปรับใช้พระเจ้าเต็มเวลาในโบสถ์ก็เสียของนะครับ คือพระองค์มีแผนจะใช้ผมเป็นพรให้ผู้คนทั้งด้านฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณควบคู่กันไป ผมจึงไม่ได้รับการทรงเรียกให้ไปเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาในโบสถ์
หลังจากผมรู้ชัดแล้วว่า พระเจ้ามีนิมิตแผนการอะไรกับชีวิตผม ผมก็อุทิศเวลาเข้ารับการสร้างเป็นสาวกอยู่หลายปีจนจบหลักสูตร "การสร้างสาวกแบบพระเยซู" และผมก็ได้นำคนมาแวดวงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมารับเชื่อพระเจ้ามากมาย
และเมื่อเกิดวิกฤตโควิด พระเจ้าก็ทรงนำให้ผมก่อตั้งพันธกิจ big miracle ขึ้น ซึ่งมีนิมิตเป้าหมายประกาศข่าวประเสริฐและตั้งคริสตจักรบ้านใน 8 หมื่นชุมชนทั่วไทย แต่พระเจ้าก็ยังให้ผมรับใช้แบบนักธุรกิจคริสเตียนอยู่นะครับ ไม่ได้รับใช้เต็มเวลาในโบสถ์
เริ่มต้นจากการแบ่งปันเรม่าห์เฝ้าเดี่ยวทุกวันแชร์ไว้ในยูทูปช่องนี้ และทำคลิปแชร์การให้คำแนะนำปรึกษาปัญหาชีวิตแก่คริสเตียนทั่วประเทศ รวมถึงก่อตั้งกิจการเพื่อสังคม ไทยโลคอลลี่ เพื่อช่วยสร้างงานสร้ายรายได้ให้เกษตรกรรากหญ้าในชุมชนต่างๆ เป็นการสร้างสะพานความสัมพันธ์ที่จะนำไปสู่โอกาสในการประกาศข่าวประเสริฐและตั้งคจ.บ้านในชนบทที่ยังไม่มีคจ.เลย
เมื่อผมตัดสินใจเลือกที่จะถวายชีวิตผมให้พระเจ้าใช้ ผมก็ไม่รู้สึกสิ้นหวังอีกต่อไป ผมรู้สึกชีวิตนี้มีเป้าหมายและมีคุณค่ามากขึ้น ผมไม่รู้สึกซึมเศร้าอยากตายอีกเลย แต่กลับรู้สึกคึกคักกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาร่าเริงสนุกสนานทุกวัน เพราะอะไรครับ เพราะผมตายต่อชีวิตเก่าแล้วไงหล่ะครับ ตายต่อความฝันของตัวเองแล้วหันมาร่วมในความฝันของพระเจ้าแทน ด้วยความรู้ความสามารถที่พระเจ้าให้ผมมา และมันดูเหมือนที่ต้องทิ้งฝันของตัวเองคงจะหมดสนุก แต่เปล่าเลยครับ ผมก็ยิ่งสนุกกับชีวิตมากขึ้น เพราะการทำฝันของพระเจ้าให้เป็นจริง มันก็เป็นการทำฝันของผมให้เป็นจริงพร้อมกันไปด้วยครับ คือผมก็ยังได้ทำธุรกิจที่ผมชอบและอยากทำอยู่เหมือนเดิมครับ แต่คราวนี้ผนวกแผนการของพระเจ้าเข้าไปด้วยในฝันของผม ผมจึงร่าเริงเบิกบานเพราะผมไม่ได้กำลังทำธุรกิจเพื่อหาเงิน แต่เพื่อขยายอาณาจักรพระเจ้า และแม้จะเงินทุนน้อยผมก็ไม่คิดมาก เพราะโปรเจคนี้เป็นโปรเจคของพระองค์ พระองค์จะจัดเตรียมทรัพยากรให้เองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ เมื่อคุณมาถึงจุดที่มอบถวายทุกสิ่งให้พระเจ้าครอบครอง ให้พระองค์เป็นเจ้าของโปรเจค แล้วคุณก็ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้อารักขาหรือเป็นผู้จัดการดูแลสิ่งที่พระองค์มอบให้คุณทำ คุณจะหายจากความสิ้นหวังซึมเศร้าอยากตายครับ เพราะอะไร ก็เพราะคุณมีพระเจ้าแห่งจักรวาลที่เป็นประธานบริษัทหรือเป็นเจ้านายของชีวิตคุณ คุณจะยังต้องไปกลัวอนาคตอีกทำไม อนาคตคุณจะดีขึ้นได้แน่นอนเพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้สร้างผลจากเถาองุ่น ผู้มีฤทธิ์อำนาจอัศจรรย์สามารถทวีคูณสิ่งเล็กน้อยที่คุณมีให้เลี้ยงคน 5 พันครอบครัวได้ ชีวิตคุณจะกลายเป็นมีคุณค่าและเป็นพระพรแก่คนในวงกว้างมากยิ่งกว่าคุณเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองเสียอีก อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง
พอตื่นเช้ามาปั๊ป ผมก็มีความสุขกับการได้สนทนาสื่อสารสองทางกับพระวิญญาณ เหมือนได้คุยกับพ่อที่เป็นประธานบริษัท และระหว่างวันตลอดทั้งวันก็ทำงานด้วยความชื่นชมยินดีและมีสันติสุขในพระเจ้า นี่คือการหลบหนีของผมครับ ผมหลบหนีจากการเป็นเจ้าของตัวเอง มาให้พระเจ้าเป็นเจ้าของตัวผมแทน ผมจึงมั่นใจในอนาคตที่สดใส มั่นใจในการทำสิ่งเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า เดี๋ยวพ่อในสวรรค์จะทวีคูณขึ้นงอกงามขึ้นเองครับ
ดังนั้น การหลบหนีปัญหาและอยากตายให้จบๆไปบนโลก มันเกิดจากความรู้สึกสิ้นหวัง จึงหมดพลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เพราะคุณกอดความเป็นเจ้าของตัวเองเอาไว้ไงหล่ะครับ ถ้าคุณยอมแตกสลายต่อตัวเอง และมอบชีวิตให้พระเจ้าครอบครองจริงๆจังๆ มอบฝันและอนาคตของคุณให้อยู่ในแผนการและน้ำพระทัยพระเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณจะกลายเป็นมีความหวังมีพลังกายพลังใจเพิ่มขึ้นมากจนรู้สึกอยากมีชีวิตต่อให้ได้นานที่สุด เพื่อจะได้ทำสิ่งที่พระเจ้ามอบให้คุณทำในการเป็นประโยชน์ เป็นพระพรแก่คนอื่นครับ
ถ้าคุณกำลังรู้สึกสิ้นหวังกับอนาคต ผมขอหนุนใจว่า ให้คุณหันมาตั้งความหวังกับอนาคตด้วยการทรงนำจากพระเจ้าจะดีกว่าครับา ขอหนุนใจให้คุณอธิษฐานบอกพระองค์ว่า คุณต้องการมอบถวายชีวิตที่เหลือทั้งหมดให้เป็นของพระองค์
และขอให้พระองค์บอกคุณว่า พระองค์ต้องการใช้คุณทำอะไรกับโลกใบนี้ เพื่อเป็นประโยชน์เป็นพระพรให้แก่ใครบ้าง ตัวผมเองก็ได้รับการมอบหมายให้นำความรู้ความสามารถเล็กน้อยและกิจการเล็กๆของผม ไปเป็นประโยชน์เป็นพรให้แก่เกษตรกรรากหญ้าใน 8 หมื่นชุมชนทั่วไทย ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวบ้านพร้อมไปกับการประกาศข่าวประเสริฐและตั้งคริสตจักรเครือข่ายบ้านในชนบท นี่คือภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้ผมทำ คือนำคนไทยในชนบทอีก 80% ของประเทศมารับพระคุณความรอดและรับชีวิตนิรันดร์ ผมมีเป้าหมายชีวิตชัดเจนที่พระเจ้าให้มาแล้ว ผมจึงเต็มเปี่ยมด้วยความหวังและกำลังใจ เพราะผมมั่นใจว่า ในทุกๆก้าวพระเจ้าจะแบคอัพซัพพอร์ตผมเองให้บรรลุความสำเร็จตามนิมิตแผนการที่พระเจ้ามอบให้ผมครับ
พี่น้องที่รัก ถ้าพระเจ้าได้บอกคุณแล้ว คุณรู้แล้วว่าพระองค์ต้องการใช้คุณทำอะไรเพื่อเป็นพรแก่คนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเริ่มจากความรู้ความสามารถเดิมๆที่คุณมีนั่นแหละครับ เมื่อรู้แล้ว ก็ให้ตั้งเป้าที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้เป็นประโยชน์และเป็นพระพรแก่คนอื่น ตามแผนการและน้ำพระทัยพระเจ้า แล้วพระองค์จะเปิดเผยให้คุณเห็นหนทางมากขึ้นเองในก้าวต่อๆไป
ผมรับรองว่า ถ้าคุณตัดสินใจเลือกแบบนี้ คุณก็จะได้หนีปัญหาไปอีกวิธีหนึ่ง ไม่ใช่หนีไปฆ่าตัวตาย แต่เป็นวิธีหนีอีกวิธีที่ดีที่สุด คือหนีเข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า และถวายตัวเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ถวายธุรกิจการงาน ถวายครอบครัว ถวายเวลาให้พระองค์เป็นกษัตริย์ของคุณ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังเลย ชีวิตจะเต็มไปด้วยการอัศจรรย์ พระองค์จะทวีคูณสิ่งเล็กน้อยที่คุณมีให้เพิ่มพูนมากขึ้น เพื่อเป้นพรแก่คนอื่นในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคุณจะเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีที่ได้เป็นท่อพระพรไปสู่คนอื่นมากมาย
ดังที่กษัตริย์ดาวิดประกาศความเชื่อว่า เขาไม่กลัวอะไร เพราะเขาลี้ภัยในพระองค์ ในขณะที่เขาลี้ภัยในพระองค์ พระเจ้าก็เข้ามาแทรกแซง เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาที่ติดลบของเขา ให้ทวีคูณเพิ่มพูน จนสุดท้ายกลายเป็นกษัตริย์ผู้เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ของอิสราเอล
เฝ้าเดี่ยววันนี้ ผมขอหนุนใจ 2 ข้อคือ ข้อแรก อย่าหลบหนีปัญหาด้วยความหวาดกลัว เพราะคุณจะต้องเจอกับปัญหาเดิมซ้ำอีกจนกว่าคุณจะเติบโตในการพึ่งพาพระเจ้าอย่างกล้าหาญในการก้าวผ่านปัญหาไปได้
และข้อสองคือ อย่าหลบหนีปัญหาด้วยการคิดฆ่าตัวตายด้วยความสิ้นหวัง แต่ให้ตั้งความหวังไว้ที่พระเจ้าแทน เลือกที่จะมอบถวายชีวิตที่เหลือของคุณให้เป็นของพระองค์ ตายต่อตัวตนเก่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้พระองค์ปั้นแต่งคุณใหม่และใช้คุณไปเป็นประโยชน์เป็นพระพรใหญ่แก่ชาวโลก แล้วชีวิตคุณจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความร่าเริงเบิกบานคึกคักกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา เพราะได้สัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้าในชีวิตตลอดเวลา ได้เห็นการอัศจรรย์จากพระเจ้าทุกวัน อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง
เอาหล่ะครับ มาร่วมสนุกกัน เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ คุณได้รับเรม่าห์อะไร ก็ให้เขียนคอมเม้นท์ลงในใต้คลิปนี้นะครรับ คุณเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้แล้วหรือยังว่า การหลบหนีด้วยความหวาดกลัว หรือด้วยความสิ้นหวัง แตกต่างกับการหลบหนีด้วยความเชื่อวางใจและมีความหวังในพระเจ้าอย่างไร?
เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ ให้คุณหยุดและอธิษฐานขอพระวิญญาเปิดเผยสำแดงให้คุณได้รับรู้ว่า ขณะนี้ คุณกำลังหลบหนีปัญหาอะไรบางอย่างอยุ่หรือเปล่า? และคุณกำลังหลบหนีปัญหาด้วยความหวาดกลัว หรือหลบหนีปัญหาด้วยความสิ้นหวัง? คุณจะจัดการกับปัญหาในจิตวิญญาณของคุณอย่างไร เพื่อให้ถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้า? คุณจะตอบสนองอย่างไรกับเรม่าห์ที่ได้รับในวันนี้ ?
พรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกัน เพื่อจะหยั่งรู้น้ำพระทัยพระเจ้าได้มากขึ้น แล้วชีวิตคุณก็จะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย คุณจะกลายเป็นท่อพระพรใหญ่สู่ผู้คนในวงกว้างมากมายได้ อาเมนมั๊ยพีน้อง ขอพระเจ้าอวยพร