**ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์ ตอนที่ 4 | สดุดี บทที่ 3**
📖 "ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์ เส-ลาห์" (สดุดี 3:4)
✨ ในคลิปนี้ เราจะมาศึกษาพระวจนะของพระเจ้าจาก สดุดีบทที่ 3 และเรียนรู้จากตัวอย่างของกษัตริย์ดาวิด ที่เผชิญกับวิกฤตใหญ่แต่ยังสามารถหลับสบายได้!
💡 คุณเคยเผชิญกับปัญหาหนักจนเครียด นอนไม่หลับไหม? ดาวิดเผชิญศึกใหญ่ แต่เขากลับประกาศความเชื่อว่า *“ข้าพเจ้าตื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงอุปถัมภ์ข้าพเจ้า”* (สดุดี 3:5)
🔥 ในวิดีโอนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่า:
✅ ทำไมการวางใจพระเจ้าเป็นกุญแจสำคัญของชัยชนะ?
✅ ความแตกต่างระหว่าง "ความเชื่อ" และ "ความไว้วางใจ"
✅ จะก้าวข้ามความกลัวและความวิตกกังวลอย่างไร?
🎥 รับฟังพระวจนะและรับพระคุณจากพระองค์ไปด้วยกัน แล้วมาร่วมแบ่งปันว่าเรม่าห์ที่คุณได้รับจากข้อนี้คืออะไรในคอมเมนต์ด้านล่าง!
📌 ฝากกดไลก์ 👍 แชร์ ❤️ และติดตามช่องของเรา เพื่อไม่พลาดซีรีย์เฝ้าเดี่ยวจากสดุดีตอนต่อไป!
#เฝ้าเดี่ยว #พระคัมภีร์ #สดุดี #วางใจพระเจ้า #ชีวิตอัศจรรย์
จัดทำคลิปโดย .... คุณบิ๊ก
พันธกิจ... Big Miracle
Line ID … BigBig477
สวัสีดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นตอนที่ 4 ของซีรีย์ ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์ ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ สดุดี
วันนี้เรายังอยู่ที่หนังสือสดุดีบทที่ 3 นะครับ มาถึงฃ้อ 4 ที่กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า
ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์เส-ลาห์
ให้คุณหยุดชั่วขณะและอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์อะไรพิเศษที่พระองค์ต้องการบอกคุณหรือไม่อย่างไร
สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ
ตรงนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของดาวิดว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเขาแน่ๆครับ แม้จะมีคนมาพูดทำนองว่า พระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานเขาหรอก ดาวิดก็ไม่ฟังไม่สนใจ เขาประกาศความเชื่อในพระเจ้าออกไปว่าเขามั่นใจพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานแน่ แม้ยังมองไม่เห็นสัญญาณว่าพระองค์จะตอบเลยก็ตาม
ถึงตรงนี้ผมก็นึกได้ถึงสมัยผมเป็นผู้เชื่อใหม่ ผมมักจะอธิษฐานแล้วก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระเจ้าจะตอบครับ คือตอนที่อธิษฐานก็มีใจเชื่ออยู่ แต่พอผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง พอเห็นว่าปัญหายังไม่หายไป ก็เริ่มหวาดกลัววิตกกังวล เริ่มลังเลสงสัย เริ่มขาดความเชื่อซะแล้ว คุณเคยเป็นมั๊ยครับ ? ซึ่งจากประสบการณ์ในการติดตามพระเจ้ามา 25 ปี ผมพบว่า อาการแบบนี้ มันเป็นอุปสรรคที่ทำให้คำอธิษฐานไม่ค่อยจะได้รับคำตอบ
ยิ่งถ้าเป็นปัญหาใหญ่มากๆ มากเกินกำลังผมจะแก้ไขหลายเท่า ผมก็ยิ่งมีความเชื่อน้อยนิดว่า จะผ่านพ้นปัญหาไปได้ครับ
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นหนี้ 4-5 หมื่น แล้วคุณหาเงินได้เดือนละ 2-3 หมื่น แบบนี้ก็ไม่ต้องใช้ความเชื่อมากเท่าไหร่ ใช่มั๊ยครับ แต่ถ้าคุณเป็นหนี้ 4-5 ล้าน แต่หาเงินได้แค่ 2-3 หมื่น แบบนี้รับรองว่า คุณจะใช้ความเชื่อเท่าเดิมไม่ได้แล้ว ใช่มั๊ยครับ เพราะปัญหามันใหญ่โตมากๆ ใหญ่โตเกินกำลังที่คุณจะแก้ไขได้ด้วยสติปัญญาหรือความขยันของคุณที่จะแก้ไข
หรือถ้าปัญหามันเข้ามาประชิดและจวนตัวมากๆ เหลือเวลาอีกแค่ไม่กีวัน เช่น ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่มีจะจ่ายหนี้ เขาจะมายึดบ้านยึดรถแล้ว ปัญหาจวนตัวแบบนี้ก็ท้าทายความเชื่อมากๆเลย จริงมั๊ยครับ
กษัตริย์ดาวิดก็อยู่ในสถานการณ์จวนตัวมากๆ เพราะข้าศึกก็กำลังไล่ประชิดเข้ามาใกล้ทุกที กองกำลังทหารที่ติดตามพระองค์ก็น้อยนิด แถมศัตรูก็ยังเป็นลูกชายตัวเองอีก เขาก็ยิ่งไม่มีอารมณ์จะต่อสู้ด้วย แต่ดาวิดขณะอยู่ในสถานการณ์จวนตัวคับขับแบบนี้ เขาเป็นอย่างไร
อ่านต่อในข้อ 5 ครับ เขากล่าวว่า
ข้าพเจ้านอนลงและหลับไป ข้าพเจ้าตื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงอุปถัมภ์ข้าพเจ้า 6ข้าพเจ้าไม่กลัวคนเป็นหมื่นๆ ซึ่งตั้งตนต่อสู้ข้าพเจ้าอยู่รอบด้าน
โอ้มายก๊อด ดาวิดกล่าวว่า เขานอนลงและหลับไปครับ เขายังหลับได้สบายๆ แม้ข้าศึกกำลังใกล้มาถึงตัวแล้ว แม้จะมีกองทัพเป็นหมื่นๆคนล้อมรอบด้าน เขาก็ยังหลับสบายครับ
ถึงตรงนี้ ให้คุณหยุดชั่วขณะอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์อะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหรือไม่อย่างไร
สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ
ตรงนี้คุณจะเห็นว่า ดาวิดกำลังมีปัญหาคับขันใหญ่โตและจวนตัวขนาดนี้ เขาเป็นยังไงครับ เขาไม่ได้ร้อนรนกระวนกระวายเคร่งเครียดจนนอนไม่หลับ แต่ปรากฎว่าเขาเป็นยังไงครับ ปรากฎว่าเขายังนอนลงและหลับไป น่าอัศจรรย์มั๊ยครับ เขายังนอนหลับได้สบายๆ ท่ามกลางปัญหาวิกฤตและคับขัน เพราะอะรไรครับ เขากล่าวต่อไปว่า เพราะพระยาเวห์ทรงอุปถัมถ์ข้าพเจ้า หมายถึงเขามีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะค้ำจุนเขา เขาจึงไม่กลัวคนเป็นหมื่นๆที่ล้อมอยู่รอบด้านครับ นี่ก็สะท้อนถึงความเชื่อศรัทธาวางใจอย่างมั่นคงในพระเจ้า ซึ่งทำให้เขานอนหลับได้สบายๆท่ามกลางปัญหาใหญ่โตคับขันครับ
คุณเคยเจอปัญหาใหญ่โตคับขันจู่โจมเข้ามาแล้วนอนกระสับกระส่ายเคร่งเครียดวิตกหวาดกลัวจนนอนไม่หลับมั๊ย ถ้าคุณมีอาการแบบนี้ ก็แสดงว่าความวางใจพระเจ้าของคุณยังน้อยและอ่อนแอมากครับ คุณอาจจะมีความเชื่อจริงๆจังๆว่า พระเจ้ามีจริงไม่ใช่เรื่องโกหก คุณอาจมีความเชื่อจริงๆจังๆวัน พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่สูงสุดและไร้ขีดจำกัด คุณอาจมีความเชื่อจริงๆจังๆว่า พระเจ้ารักคุณ พระเยซูยอมตายเพื่อบาปของคุณบนกางเขนอย่างทรมาน คุณได้เป็นลูกพระเจ้าแล้ว นี่คือความเชื่อในข่าวประเสริฐครับ และเมื่อคุณเชื่อแบบนี้ คุณก็ได้รับความรอดจากการถูกลงโทษลงบึงไฟนรก นี่คือสเต็ปแรกของคนที่มาอธิษฐานรับเชื่อต้อนรับพระเยซู คือเขารับด้วยปากและเชื่อด้วยใจ เขาจึงได้รับความรอด รอดจากอะไร ก็รอดจากการถูกพิพากษาลงโทษในนรกแล้ว เนื่องจากคุณเชื่อว่า พระเยซูรับโทษแทนคุณแล้ว พระเจ้าซึ่งเป็นผู้พิพากษาาของศาลสูงสุด ได้อภัยให้กับคุณแล้ว คุณจึงรอดด้วยพระคุณที่ได้รับเปล่าๆ โดยความเชื่อครับ ไม่ใช่โดยการประพฤติ
แต่ว่า เมื่อคริสเตียนหลายคนเชื่อว่าเขารอดแล้ว ได้เป็นลูกพระเจ้าแล้ว แต่ปัญหาคือ คริสเตียนหลายคน ยังไม่ได้รู้จักรู้ใจพระเจ้าซักเท่าไหร่ เพราะยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์อย่างเป็นส่วนตัวกับพระองค์ ดังนั้น คริสเตียนจะต้องก้าวไปสู่สเต็ปสองคือ จะต้องพัฒนาความสัมพันธ์ จนเกิดความไว้วางใจพระเจ้าด้วยครับ ไม่ใช่แค่เชื่อเฉยๆ แต่ต้องวางใจด้วย คือความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าเป็นบันไดขั้นแรก ส่วนความไว้วางใจพระเจ้าจะเป็นบันไดขั้นที่สองครับ คุณจะไว้วางใจพระเจ้าได้ คุณต้องขึ้นบันไดขุั้นแรกก่อน คือต้องมีความเชื่อศรัทธาในข่าวประเสริฐก่อน จากนั้น บันไดขึ้นสองคือ พัฒนาความสัมพันธ์เป็นส่วนตัวกับพระเจ้า จนค่อยๆเกิดความไว้วางใจตามมา
พระเจ้าใช้ถ้อยคำจากพระคัมภีร์ไบเบิล มาสร้างความเชื่อให้แก่คุณ เพราะความเชื่อเกิดจากการได้ยิน และได้ยินพระวจนะพระเจ้า ถ้าคุณไม่ได้ยินพระวจนะที่เป็นข่าวประเสริฐ คุณก็จะไม่มีความเชื่อ
แต่การวางใจพระเจ้า ไม่เพียงเกิดจากการได้ยินพระวจนะที่เป็นพระสัญญา และวางใจในพระสัญญาเท่านั้น แต่ได้มีประสบการณ์จริงเกิดขึ้นด้วย ได้มีประสบการณ์ที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานหลายๆครั้ง ให้ก้าวผ่านอุปสรรคปัญหาชีวิตไปได้ จึงค่อยๆเกิดความไว้วางใจพระองค์ขึ้น ถ้าคุณไม่อธิษฐานขอสิ่งใดเลย คุณก็จะไม่มีประสบการณ์ที่พระเจ้าตอบคุณ และคุณก็จะไม่เติบโตขึ้นในความไว้วางใจพระเจ้าครับ ดังนั้น คริสเตียนผู้เชื่อใหม่จึงมักหวาดกลัวเคร่งเครียดวิตกกังวลกับปัญหาวิกฤติที่จู่โจมเข้ามา ทำให้กระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ก็เพราะแม้เขาจะมีควรามเชื่อในข่าวประเสริฐแล้ว แต่ยังไม่มีประสบการณ์ที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานมากนัก จึงทำให้เขายังไม่ค่อยจะไว้วางใจพระเจ้า ก็เลยเครียดวิตกกังวลกับปัญหาต่างๆครับ แต่คริสเตียนที่เดินกับพระเจ้าหลายปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวกับการได้เห็นความช่วยเหลือจากพระเจ้ามาหลายครั้ง ก็จะมีควาามไว้วางใจพระเจ้าเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ คือก้าวจากบันไดขั้นแรกที่แค่เชื่อศรัทธาในพระเจ้า แต่ขึ้นบันไดขั้นที่สองแล้วคือ ไว้วางใจพระเจ้าอีกด้วยครับ เช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิด ที่เขานอนหลับได้สบายๆ แม้จะมีกองทัพใหญ่โตของศัตรูโอบล้อมประชิดตัวแล้วก็ตาม
แล้วพระวิญญานก็ทำให้ผมระลึกได้ถึง
กิจการ 2:16-7 เป็นตอนที่เปโตรถูกจับขังคุก และวันรุ่งขึ้นอาจถูกนำไปประหาร เพราะยากอบพึ่งจะถูกประหารไปหมาดๆ โดยกษัตริย์เฮโรด ถ้าผมเป็นท่านเปโตรคงจะเสียวๆจนนอนไม่หลับแน่ๆ แต่เปโตรก็ยังนอนหลับสบายเลย เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า ฑูตสวรรค์มาปลุกแล้วแต่เปโตรไม่ตื่น ยังหลับสนิทสบาย จนฑูตสวรรค์ต้องกระทุ้งที่สีข้างจึงจะตื่นครับ แสดงว่าหลับสนิทหลับลึกจริงๆ นี่ก็เป็นอาการของคนที่ขึ้นบันไดขั้นสองแล้ว คือไม่เพียงมีความเชื่อ แต่มีความไว้วางใจพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจจริงๆ จึงไม่หวาดกลัวกับอะไรและนอนหลับได้แม้พรุ่งนี้อาจถูกจับไปประหารครับ เพราะเขาวางใจว่า พระเจ้าจะมีทางออกที่ดีที่สุดให้กับเขาครับ
แล้วพระวิญญาณก็ทำให้ผมระลึกได้ถึง
มาระโก 4:38
เป็นตอนที่ พระเยซูหลับสนิทอยู่ที่ท้ายเรือ และมีพายุแรงกกล้าจนเรือแทบจะจมแล้ว จนพวกสาวกต้องมาปลุกพระองค์ นี่ก็เป็นอีกสถานการณ์ที่น่าหวาดเสียว เพราะเรือใกล้จะจม แต่พระเยซูก็ยังหลับสนิทหลับลึกได้ แสดงถึงความไว้วางใจพระเจ้าที่เข้มแข็งครับ
ถ้าคุณอยากรู้ว่าคุณขึ้นบันไดขั้นที่สองแล้วหรือยัง คือคุณมีความไว้วางใจพระเจ้าแล้วหรือเปล่า? ก็ดูได้จากตอนที่คุณกำลังเจอวิกฤตปัญหาใหญ่โตและคับขันเข้ามาในชีวิตครับ คุณอาจขึ้นบันไดขึ้นแรกแล้วคือมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า แต่คุณอาจยังไม่ขึ้นบันไดขั้นสองคือไว้วางใจพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจก็เป็นได้ เมื่อเจอวิกฤตปัญหาใหญ่คุณจึงเครียดและนอนไม่หลับครับ เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้?
นั่นก็เป็นเพราะ เจ้าจิตใต้สำนึกของคุณมันเก็บสะสมความเชื่อแง่ลบที่แสนจำกัดเอาไว้มาก มันจะส่งความคิดลบจินตนาการเชิงลบให้ผุดขึ้นมาในหัวคุณตลอดเวลา โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยนะครับ และมันก็ทำให้คุณเคร่งเครียดหวาดผวานอนไม่หลับ หรือแม้จะหลับไปได้ก็จะเต็มไปด้วยฝันร้ายครับ เพราะจิตใต้สำนึกก็ทำงานแม้ขณะที่คุณหลับ
แต่ถ้าจิตใต้สำนึกของคุณอัดแน่นด้วยความเชื่อในการอัศจรรย์ไร้ขีดจำกัดของพระเจ้า โดยไม่มีช่องว่างให้ซาตานมาหยอดความคิดลบๆใส่หัวคุณเลย จิตใต้สำนึกของคุณได้สะสมประสบการณ์ที่พระเจ้าได้ตอบคำอธิษฐานของคุณหลายครั้ง จนเกิดเป็นความไว้วางใจในพระเจ้า ถึงตรงนี้ ก็เหมือนคุณได้ก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สองแล้ว และจะส่งผลให้คุณนอนหลับได้ และถ้าคุณไว้วางใจพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจสุดความคิดสุดกำลังแล้วหล่ะครับ คุณก็จะยิ่งนอนหลับได้อย่างสนิท และหลับสบายหลับลึกตลอดทั้งคืนเลยครับ แบบที่กษัตริย์ดาวิดเป็นอยู่ในตอนนี้
โดยปกติคนเราจะหลับได้สนิทสบายๆในช่วงที่ไม่มีแรงกดดันของปัญหาอไร เพราะไม่หวาดกลัวกับอะไรไงหล่ะครับ แต่ในสภาวะที่ชีวิตเป็นปกติไม่ได้มีวิกฤตของปัญหาอะไร แล้วนอนหลับได้สบายๆ มันยังไม่สามารถวัดได้ถึงความไว้วางใจพระเจ้าของคุณว่าคุณวางใจพระเจ้าอย่างเข้มแข็งมั่นคงแล้วเพียงใด ยังวัดไม่ได้ครับ
แต่มันจะวัดได้ก็ตอนที่มีปัญหาใหญ่โตคับขับจวนตัวแบบดาวิดในตอนนี้นี่แหละครับ การนอนหลับได้สนิทสบายๆหลับลึกหลับยาว จึงเป็นเหมือมเทอโมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เป็นเหมือนอุปกรณ์วัดจิตวิญญาณของคุณว่า เติบโตในความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้ามากเพียงใดแล้ว ถ้าคุณหลับได้สนิทสบายๆในท่าม่กลางวิกฤตปัญหา ก็แปลว่า คุณมีความสัมพันธ์สนิทลึกซึ้งกับพระเจ้ามากแล้ว ถึงขึ้นไว้วางใจพระองค์อย่างสุดใจแล้ว จึงไม่หวาดกลัวกับอะไรเลย ไงหล่ะครับ
คุณจะสังเกตุเห็นว่า เด็กเล็กๆมักจะนอนหลับได้อย่างเป็นตุเป็นตะโดยไม่มีอาการกระสับกระส่ายนอนไม่หลับเลย เพราะเด็กเล็กๆยังไม่ได้สะสมความเชื่อลบๆเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขามากนัก จิตใต้สำนึกของเด็กเล้กๆเป็นเหมือนผ้าขาวสะอาด แต่เมื่อค่อยๆโตขึ้น ก็จะซึมซับความเชื่อและค่านิยมของโลกเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ใหญ่จะสะสมความเชื่อด้านลบและค่านิยมแบบชาวโลกไว้ในจิตใต้สำนึกเยอะ ยิ่งอายุมากยิ่งความเชื่อในด้านลบก็ยิ่งเยอะ ทำให้เวลาเจอกับวิกฤตของปัญหา จึงไม่สามารถจะคิดบวกได้ เพราะเจ้าจิตใต้สำนึกจะทำให้คุณมักจินตนาการไปในแง่ลบ แล้วมันจึงทำให้คุณเครียดหวาดกลัวและนอนไม่หลับ พอตื่นกลางดึกปั๊ปก็มักนอนต่อไม่ได้ กระสับกระส่ายไปทั้งคืน มันก็เป็นเพราะขาดความไว้วางใจพระเจ้านั่นเอง ความคิดลบๆจะผุดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกเป็นระยะๆโดยไม่รู้ตัวตลอดเวลานั่นเอง
ถึงตอนนี้ ผมก็นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีต สมัยทีผมเป็นผู้เชื่อใหม่เมื่อหลายปีก่อน ผมก็ขึ้นบันไดขั้นแรกแล้ว คือมีความเชื่อในข่าวประเสริฐ เชื่อในพระเจ้า แต่ทว่า เวลาผมเจอกับแรงกดดันของปัญหา ผมก็มักนอนไม่หลับกระสับกระส่ายไปทั้งคืนครับ หรือบางทีตื่นมากลางดึกแล้วก็นอนต่อไม่ได้ สมองมันจะคิดนั่นคิดนี่ในแง่ลบอยู่ตลอดโดยไม่รู้ตัว แม้จะพยายามอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้า มันก็จะสงบใจมีสันติสุขได้แค่ชั่วคราว ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงก็กระสับกระส่ายนอนไม่หลับอีก
ต่อมาเมื่อผมได้มาศึกษาเจาะลึกเรื่องจิตใต้สำนึก จึงได้รู้ว่า ปัญหามันอยู่ที่ความเชื่อด้านลบฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเยอะมากนั่นเอง เมื่อผมเฝ้าเดี่ยวสม่ำเสมอหลายปี ผมจึงว่องไวต่อการรู้ทันความคิดของตัวเองว่า กำลังคิดอะไรอยู่ และทำให้ผมรู้ตัวว่า ผมมักเผลอคิดลบกับสถานการณ์ต่างๆอยู่เรื่อยจนเป็นนิสัย การเผลอคิดลบจินตนาการลบๆ มันก็เกิดจากการทำงานของจิตใต้สำนึกนั่นเอง จิตใต้สำนึกมันจะส่งความคิดลบๆให้ผุดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติตลอดเวลาทั้งวัน
เมื่อผมรู้ทันความคิดตัวเองแล้ว ผมจึงรู้วิธีแก้ปัญหานี้คือ ผมจะฝึกประกาศความเชื่อในพระวจนะออกมาดังๆ และฝึกภาวนาถ้อยคำเชิงบวกจากพระคัมภีร์ให้บ่อยที่สุด เพื่อตอกย้ำความเชื่อให้ฝังลึกอย่างแน่นหนาเข้าไปในจิตใต้สำนึกแทนครับ คุณจะทำแบบนี้ได้ คุณต้องว่องไวรู้ทันความคิดลบๆที่ส่งมาจากจิตใต้สำนึกก่อนนะครับ ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองเผลอคิดไปเรื่อยแล้วก็จินตนาการลบๆอย่างไม่รู้ตัว บางทีคุณอาจรู้ไม่ทันความคิดที่ผุดขึ้นมา แต่คุณจะรู้ทันอารมณ์ความรู้สึก เพราะอารมณ์ความรู้สึกเป็นเหมือนมิเตอร์วัดอุณหภูมิครับ เมื่อคุณเริ่มหวาดกลัววิตกกังวลเคร่งเครียด คุณจะรู้ทันอารมณ์แบบนี้ได้ แม้จะไม่รู้ทันความคิดลบๆ แต่ก็รู้ทันว่า คุณต้องมีความคิดลบๆผุดขึ้นมาแน่ๆ จึงทำให้คุณอยู่ในอารมณ์หวาดกลัววิตกกังวล ดังนั้น ถ้าสังเกตความคิดที่ผุดขึ้นมาเองโดยไม่ตั้งใจคิด แล้วสังเกตุได้ไม่ทัน ก็ให้หันมาสังเกตุอารมณ์ความรู้สึกแทนก็ได้นะครับ
ถ้าคุณทำแบบนี้อยู่หลายเดือนหลายปี คือพอรู้ทันว่ากำลังคิดลบ หรือรู้ทันว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ลบๆ แล้วรีบประกาศความเชื่อในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสวนออกไป พร้อมกับภาวนาถ้อยคำเชิงบวกจากพระคัมภีร์ควบคู่ไปด้วย อาการวิตกกังวลหวาดกลัวกับปัญหาจนนอนไม่หลับกระสับกระส่ายก็ค่อยๆจางหายไป เพราะอะไรครับ ก็เพราะเจ้าจิตใต้สำนึกของคุณ จะไม่ได้ส่งความคิดลบๆให้ผุดขึ้นมาอีกแล้ว แต่จะส่งแต่ข้อพระคัมภีร์ที่เป็นถ้อยคำเชิงบวกขึ้นมาแทน จึงทำให้คุณสงบและมีสันติสุข สามารถนอนหลับง่ายและหลับลึก แม้จะยังอยู่ในปัญหาใหญ่โตและจวนตัวก็ตาม และในขณะฝัน ก็มักมีแต่ฝันดีด้วยนะครับ
นอกจากนี้ ผมจะฝึกคิดทบทวนเรื่องดีๆในอดีตที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานผมด้วย แล้วเอามาขอบคุณพระเจ้าทั้งก่อนนอนและตื่นนอนเสมอครับ การขอบคุณพระเจ้าบ่อยๆ โดยระลึกถึงเรื่องที่พระเจ้าเคยตอบคำอธิษฐานของคุณ มันจะเป็นการขึ้นบันไดขั้นที่สองครับ คือคุณได้มีประสบการณ์จริงเป็นส่วนตัวกับพระองค์แล้ว ไม่ใช่แค่ความเชื่อในพระวจนะ เมื่อคุณมีประสบการณ์ที่พระเจ้าเคยตอบคำอธิษฐานของคุณหลายครั้ง มันก็จะทำให้คุณเกิดความไว้วางใจพระองค์เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆครับ การขอบคุณพระเจ้าในสิ่งที่พระเจ้าเคยตอบคำอธิษฐานคุณ จึงเป็นการขึ้นบันไดขั้นที่สองคือ ทำให้คุณไว้วางใจความช่วยเหลือจากพระเจ้า เหมือนที่กษัตริย์ดาวิดเขามั่นใจว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเขา ก็เพราะเขาได้มีประสบการณ์ที่พระเจ้าตอบเขามาหลายครั้ง จนกลายเป็นความไว้วางใจ และในวิกฤตครั้งนี้ เขาจึงนอนหลับสบายไม่หวาดกลัววิตกกัุงวลเคร่งเครียดครับ
พี่น้องที่รัก จากประสบการณ์ในการเป็นคริสเตียนมา 25 ปี ผมพบว่า ชีวิตผมจะขึ้นๆลงๆไปตามระดับความเข้มแข็งของความเชื่อและความวางใจพระเจ้านะครับ ถ้าช่วงชีวิตไหนผมจิตตกเคร่งเครียดหวาดกลัววิตกกังวล มันก็แปลว่า ความวางใจในพระเจ้าของผมกำลังถดถอย แล้วเกิดอะไรขึ้นรู้มั๊ยครับ ปรากฎว่า ช่วงนั้นก็มักจะมีปัญหาชีวิตจู่โจมเข้ามามากเลย เพราะดูเหมือนปาฎิหารย์การอัศจรรย์จะไม่เกิดขึ้นเลย แต่ถ้าช่วงชีวิตไหน มีความเชื่อ มีความไว้วางใจพระเจ้าอย่างเข้มแข็งมั่นคง ก็ดูเหมือนพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานทำให้เกิดการอัศจรรย์บ่อยๆ
หรือถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในปัญหา ปัญหายังไม่หายไป แต่ภายใต้จิตใจของผมก็มีสันติสุขในพระเจ้าตลอด นอนหลับได้สบายๆ แล้วพระองค์ก็มาทำให้ผมปิ๊งแวบ มีสติปัญญาไอเดียสดใหม่ในการเอาชนะปัญหา ไม่เพียงมีสติปัญญา แต่ยังประทานเรี่ยวแรงกำลัง ทำให้ผมมีกำลังใจเข้มแข็ง ในการก้าวผ่านอุปสรรค์ปัญหาไปได้ ซึ่งก็เป็นการอัศจรรย์อีกแบบ ไม่ใช่แบบมูเตลูนะครับ การอัศจรรย์ที่พบบ่อยคือ พระเจ้าจะเปิดประตูโอกาสใหม่ๆให้ และจะทำให้ผมปิ๊งแวบมีไอเดียดีๆอย่างไม่คาดคิด และทำให้ผมมีกำลังใจเข้มแข็งเดินหน้าฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาไปได้อย่างมีสันติสุข นี่คือการอัศจรรย์ที่ได้รับซึ่งมันจะควบคู่ไปกับการเสริมสร้างจิตวิญญาณภายในของผมให้เติบโตเข้มแข็งในความสัมพันธ์กับพระเจ้าไปด้วยพร้อมกัน จึงเป็นการอัศจรรย์ที่ไม่ใช่แบบมูุเตลูครับ
ดังนั้น การรักษาความเชื่อให้มั่นคงต่อเนื่อง และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นบันไดขั้นแรก จึงเป็นสิ่งที่คริสเตียนต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ และถ้าคุณอยากมีสันติสุขแม้ในท่ามกลางวิกฤตของปัญหา อยากนอนหลับสบายๆหลับสนิทหลับลึกได้แม้จะมีเรื่องเลวร้ายจู่โจมเข้ามา คุณก็ต้องขึ้นบันได้ขั้นองคือ คุณต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ทบทวนเหตการณ์ที่พระเจ้าได้ตอบคำอธิษฐานของคุณอยู่บ่อยๆ โดยเอามาขอบคุณพระเจ้าอยู่เรื่อยๆ คุณก็จะเกิดความไว้วางใจพระเจ้าเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน
และถ้าคุณกำลังติดตามฟังคลิปในซีรีย์เฝ้าเดี่ยวของผมทุกวันอย่างต่อเนื่อง ก็ขอแสดงความยินดี เพราะคุณกำลังหว่านความเชื่อวางใจในพระเจ้าเข้าไปสะสมไว้ในจิตใต้สำนึกของคุณ และจะช่วยให้คุณมีความสนิทสนมกับพระเจ้ามากขึ้น โดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทับอยู่ในตัวคุณครับ ซึ่งนี่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยให้คุณขึ้นบันไดขั้นหนึ่งและขั้นสองในการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่พระเจ้าพอพระทัยครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ผมพบว่า แม้ผมจะเฝ้าเดี่ยวเป็นประจำ แต่บางครั้งก็อาจยังไม่เพียงพอถ้าเจอกับปัญหาวิกฤตใหญ่โตและจวนตัว เพราะจิตใต้สำนึกของผมยังมีความเชื่อด้านลบเก็บสะสมซ่อนอยู่มาก ผมจึงต้องใช้วิธีประกาศความเชื่อสวนกับปัญหาบ่อยๆแบบที่ดาวิดทำ และภาวนาถ้อยคำเชิงบวกของพระเจ้าตอกย้ำกับตัวเองให้มากที่สุดตลอดเวลาจนเป็นนิสัย และถ้าคืนไหนนอนไม่หลับ ผมก็จะภาวนาประโยคสั้นๆว่า
พระเจ้าที่รัก ลูกวางใจในพระองค์
ผมจะภาวนาประโยคนี้ในใจตลอด จนจิตใต้สำนึกมันเกิดความไว้วางใจในพระเจ้า แล้วก็ทำให้หลับได้สนิทครับ แม้จะมีปัญหาใหญ่โตแค่ไหน เมื่อจิตใต้สำนึกเชื่อและวางใจในพระเจ้าแล้ว มันก็จะทำให้ร่างกายและสมองของคุณผ่อนคลายมีสันติสุข แล้วก็หลับได้อย่างสนิทครับ
ถ้าคุณอยากรู้รายละเอียดมากขึ้นในการแก้ไขความหวาดกลัววิตกกังวลเคร่งเครียด ก็ค้นหารับฟังได้จากคลิปต่างๆที่ผมทำไว้แล้วในซีรีย์ วิธีใช้จิตใต้สำนึกเชื่อมต่อกับพระเจ้า เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงชีวิต และฟังคลิปที่เป็นเสียงถ้อยคำย้ำจิตใต้สำนึก ให้มีความเชื่อวางใจในพระเจ้า ฟังบ่อยๆก็จะเป็นการตอกย้ำความเชื่อวางใจพระเจ้าเข้าไปเรื่อยๆในจิตใต้สำนึก แล้วจะส่งผลให้คุณได้เห็นการอัศจรรย์จากพระเจ้ามากขึ้น อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง
เอาหล่ะครับ มาร่วมสนุกกัน เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ คุณได้รับเรม่าห์อะไร ก็ให้เขียนคอมเม้นท์ลงในใต้คลิปนี้นะครรับ
คุณเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้แล้วหรือยังว่า
ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
คุณเข้าใจความหมายแล้วหรือยัง? ดาวิดกำลังทำอะไร ? เขากำลังประกาศความเชื่อที่สวนทางกับสถานการณ์เลวร้ายว่าอย่างไร? เขามั่นใจว่าอะไร? เหตุใดเขาจึงมั่นใจ? และอะไรทำให้เขานอนหลับสบายได้ท่ามกลางวิกฤตปัญหาใหญ่โตและจวนตัว?
ให้คุณลองทบทวนตัวเอง เวลาคุณถูกปัญหาใหญ่โตจวนตัวจู่โจมเข้ามา คุณมักลังเลสงสัยไม่แน่ใจว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของคุณหรือไม่ อยู่หรือเปล่า? หรือคุณมั่นใจร้อยเปอเซ็นว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานคุณแบบที่ดาวิดมั่นใจ? คุณขึ้นบันไดขั้นสองแล้วหรือยัง? บันไดขั้นที่สองคืออะไร? หรือคุณยังมักหวาดกลัววิตกกังวลเคร่งเครียด ? คุณได้รับเรม่าห์พิเศษอะไรบ้างจากพระวิญญาณ และคุณจะตอบสนองอย่างไร เพื่อจะได้มีชีวิตอัศจรรย์ในทุกด้าน?
เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ ให้คุณหยุดและอธิษฐานขอพระวิญญาเปิดเผยสำแดงให้คุณได้รับรู้ แล้วพิมพ์คำตอบในคอมเม้นท์ใต้
พรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกัน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อศรัทธาวางใจพระเจ้าให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น แล้วชีวิตคุณจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย คุณจะเต็มล้นด้วยศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด เพื่อพระเจ้าจะใช้คุณไปเป็นท่อพระพรใหญ่สู่ผู้คนในวงกว้างมากมายได้ อาเมนมั๊ยพีน้อง ขอพระเจ้าอวยพร