14/9/2025
คุณเป็นแล้วจึงทำ... ไม่ใช่ทำเพื่อให้ได้เป็น!
คุณเป็นแล้วจึงทำ... ไม่ใช่ทำเพื่อให้ได้เป็น!
เทศนาวันอาทิตย์ 14/9/2025
ซีรีย์ : ต้องแบบนี้..... แล้วพระเจ้าจะอวยพรคุณ
หัวข้อ : คุณเป็นแล้วจึงทำ ไม่ใช่ทำเพื่อจะได้เป็น
สวัสดีครับพี่น้องที่รัก... มีใครเคยรู้สึกเหนื่อยกับการเป็นคริสเตียนบ้างไหมครับ? เหนื่อยกับการพยายามทำดี... พยายามเป็นคนบริสุทธิ์... พยายามค้นหาน้ำพระทัยของพระเจ้า... จนบางครั้งก็รู้สึกกดดันและท้อแท้ว่า "ฉันทำดีพอแล้วหรือยัง? พระเจ้าพอพระทัยในตัวฉันหรือยัง?"
ถ้าคุณเคยรู้สึกแบบนั้น... วันนี้ข่าวดีของพระเจ้ามาถึงคุณแล้วครับ พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้คุณเหนื่อย แต่พระองค์ต้องการให้คุณ "หยุดพัก" ครับ วันนี้คุณจะมาค้นพบความจริงที่ว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ได้เริ่มต้นที่ "การทำ" แต่เริ่มต้นที่ "การเป็น" ครับ
พี่น้องที่รัก ก่อนที่คุณจะพูดถึงสิ่งที่คุณต้อง "ทำ" คุณต้องเข้าใจก่อนว่าคุณ "เป็น" ใครในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว... ไม่ใช่เพราะความดีของคุณ แต่เพราะสิ่งที่พระเยซูทรงทำสำเร็จแล้วบนไม้กางเขน
(2 โครินธ์ 5:17) คุณ "เป็น" ผู้ที่ถูกสร้างใหม่แล้ว
(เอเฟซัส 2:10) คุณ "เป็น" ฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ถูกสร้างมาเพื่อการดี
(1 ยอห์น 3:1) คุณ "เป็น" บุตรที่รักของพระเจ้าแล้ว
(2 โครินธ์ 5:21) คุณ "เป็น" ผู้ชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า
และยังมีข้อพระคัมภีร์อีกมากมายถึง 30 กว่าข้อ ที่บ่งบอกว่า นับตั้งแต่วันที่คุณรับเชื่อมาเป็นคริสเตียน พระเจ้าได้ทำให้คุณเป็นใครแล้วในพระคริสต์ ขอให้คุณตระหนัว่า ขณะนี้ คุณ "เป็น" ที่ยอมรับ เป็นที่รัก และเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าเรียบร้อยแล้วนะครับ
ตัวตนใหม่นี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องพยายามสร้างขึ้นมา แต่มันเป็น "ของขวัญ" ที่คุณต้อง "รับเอา" ด้วยความเชื่อครับ
ถ้าคุณตอกย้ำความเชื่อนี้บ่อยๆกับตัวเอง จนมันฝังลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกแล้ว พฤติกรรมการกระทำต่างๆ ของคุณ ก็จะเปลี่ยนจากการ "ดิ้นรนพยายาม" เพื่อแสวงหาการยอมรับ ไปเป็นการ "ตอบสนอง" ด้วยความรักและขอบพระคุณพระเจ้าแทนครับ
ตัวอย่างเช่น "ถ้าคุณเป็นลูกของกษัตริย์"... คุณเป็นเจ้าชาย เป็นเจ้าหญิงอยู่แล้ว ดังนั้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องพยายามทำนั่นทำนี่ เพื่อจะได้เป็น... คุณไม่ต้องไปกวาดพระราชวัง หรือถูท้องพระโรง เพื่อพิสูจน์ว่าตัวคุณ "เป็น" เจ้าชายหรือเจ้าหญิง... แต่เพราะพระบิดาผู้เป็นกษัตริย์ได้ให้คุณ "เป็นเจ้าชายหรือเป็นเจ้าหญิง" อยู่แล้ว!
แล้วถ้าเจ้าชายเจ้าหญิงเห็นว่าพื้นสกปรก คุณอาจจะลงมือกวาดพื้นเองก็ได้... แต่ครั้งนี้ คุณไม่ได้ทำเพื่อจะ "ได้เป็น" แต่คุณทำเพราะ "คุณเป็นอยู่แล้ว" และคุณเพียงแค่อยากเห็นพระราชวังของพระบิดาสะอาด... พฤติกรรมของคุณไม่ได้มีผลอะไรกับสถานะตัวตนใหม่ของคุณเลยครับ
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สมดุล เดี๋ยวคุณจะคิดว่า ถ้าอย่างนั้นก็ทำบาปได้สบายๆ ไม่ๆๆ ครับ พระคุณไม่ใช่ใบเบิกทางให้ทำบาป ถึงแม้พฤติกรรมที่เป็นบาปจะไม่ทำให้คุณ "หลุดจากความรอด" แต่มันก็มี "ผล" ต่อ "ความสัมพันธ์" ของคุณกับพระเจ้าอยู่นะครับ นั่นคือ มันจะทำให้คุณไม่สนิทสนมกับพระองค์ไงหล่ะครับ เวลาคุณมาอธิษฐานสนทนากับพระองค์ คุณก็จะรู้สึกฟ้องผิดอยู่ในใจตลอด แล้วมันก็จะมีมีผลต่อ "คำพยาน" ชีวิตของคุณที่มีต่อคนรอบข้าง, และอาจนำมาซึ่ง "การถูกตีสอน" จากพระบิดาได้ (ฮีบรู 12:5-6) แต่ก็เป็นการตีสอนด้วยความรักนะครับ
การพยายามไม่ทำบาปของคุณ มันควรมาจากท่าทีใหม่คือ คุณไม่ได้พยายามควบคุมตัวเองด้วยกำลังตัวเอง แต่คุณพึ่งพากำลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวคุณ และคุณก็ไม่ได้มีท่าทีว่า ทำเพื่อจะได้เป็นคนดี เป็นคนที่พระเจ้าพอพระทัย แต่คุณทำด้วยท่าทีใหม่ว่า คุณเป็นแล้ว คุณเป็นคนดีบริสุทธิ์ชอบธรรมแล้ว เป็นลูกพระเจ้าแล้ว คุณจึงทำดี และทำดีด้วยพลังของพระวิญญาณที่สถิตในตัวคุณครับ นี่จึงเป็นวิถีชีวิตคริสเตียนครับ คุณต้องทำแบบนี้ แล้วจะได้รับพระพรแบบคนในพันธสัญญาใหม่ครับ
พี่น้องที่รัก เมื่อคุณเข้าใจหลักการนี้แล้ว และซึมซับความเชื่อนี้เข้าไปจนฝังแน่นในจิตใต้สำนึกแล้ว คุณจะอ่านพระคัมภีร์ด้วยมุมมองใหม่ทั้งหมดเลยครับ
ตัวอย่างเช่น เปาโลกล่าวไว้ใน โรม 12:2 ว่า "จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อจะได้รู้น้ำพระทัย "...เห็นมั๊ยครับพี่น้อง นี่ไม่ใช่การที่คุณต้องพยายามเค้นสมองคิดให้ดีขึ้น หรือพยายามดัดนิสัยตัวเองเพื่อให้พระเจ้ายอมรับหรือรักคุณและอวยพรคุณ แต่มันคือการ "ยอม" ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวคุณ ช่วยปรับความคิดมายเซ็ตของคุณใหม่ ให้สอดคล้องกับตัวตนใหม่ที่พระองค์สร้างคุณแล้ว
ดังนั้นถ้าคุณพลาดพลั้งทำบาป... คุณไม่เพียงแค่สารภาพบาป แต่คุณต้อง สารภาพความเชื่อที่หลงลืมตัวตนเก่าของคุณด้วยนะ ครับ
แทนที่คุณจะสารภาพแค่ว่า "พระเจ้าข้า ลูกขอโทษ ลูกผิดไปแล้ว ลูกจะไม่ทำอีก" แต่ให้คุณสารภาพต่อไปอีกว่า "และพระเจ้าข้า... ลูกขอโทษ ที่ลูกเผลอหลงลืมไปชั่วขณะว่าลูกเป็นใครในพระองค์... ลูกหลงลืมไปว่าลูกเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมแล้ว ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือนให้ลูกจดจำได้ถึงตัวตนใหม่นี้ และเสริมกำลังให้ลูกดำเนินชีวิตจากตัวตนใหม่ในพระคริสต์ได้เสมอ"... เห็นไหมครับ นี่คือการตอบสนองจากความเชื่อในตัวตนใหม่ ไม่ใช่การพยายามเคร่งศาสนาหรือพยายามดัดนิสัยตัวเองด้วยกำลังตัวเองเลย
อีกตัวอย่างหนึ่ง...เปาโลกล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 10:31 ว่า "จงทำทุกสิ่งเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า" คนมากมายอ่านข้อนี้แล้วก็พยายามควบคุมบังคับตัวเอง... พยายามทำทุกอย่างเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า แล้วหวังว่าพระองค์จะพอพระทัยและอวยพร... ไม่ใช่เลยครับพี่น้อง! นั่นคือแนวทางของศาสนา ศาสนาจะบังคับให้คุณต้องทำดีก่อน แล้วพระเจ้าจะยอมรับคุณ แต่ข่าวประเสริฐกลับกันคือ พระเจ้ายอมรับคุณเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคุณจึงทำตัวให้สมกับที่คุณเป็นครับ
พี่น้องที่รัก ความจริงของข่าวประเสริฐปลดปล่อยคุณแล้ว! ถ้าคุณเชื่อข่าวประเสริฐกางเขนพระเยซู คุณก็ "เป็น" ลูกสุดที่รักของพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว... คุณ "เป็น" ที่ยอมรับแล้ว... คุณ "เป็น" คนโปรดของพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว! ดังนั้น การทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าจึงไม่ได้มาจากความพยายามทำ เพื่อแลกเปลี่ยนให้ได้ในสิ่งที่พระเจ้ามอบให้คุณเรียบร้อยแล้ว ไม่เลย แต่การทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า มันจะออกมาจากใจที่ตอบสนองต่อพระคุณและความรักต่างหากครับ ...ใจของคุณจะเปลี่ยนไป และพูดกับพระเจ้าใหม่ว่า...
"พระเจ้าข้า... ลูกอยากทำทุกสิ่งนี้ให้ดีที่สุด..ให้ถวายเกียรติพระองค์ที่สุด. ไม่ใช่เพื่อพระองค์จะได้อวยพรลูก... แต่เพราะลูกรักพระบิดา และอยากให้โลกรู้ว่าพระบิดาของลูกดีเลิศแค่ไหน!"
นี่แหละครับ คือวิถีชีวิตคริสเตียนที่ถูกต้อง... คุณเป็นแล้ว... คุณจึงทำครับ! พี่น้องที่รักครับ วันนี้ผมอยากท้าทายให้คุณเลิกเหนื่อย...เลิกพยายามทำดีเพื่อให้พระเจ้ารัก... เพราะพระองค์รักคุณที่สุดแล้ว เลิกพยายามทำดีเพื่อจะเป็นที่ยอมรับ... เพราะพระองค์ยอมรับคุณที่สุดแล้วในพระคริสต์
แต่จงเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการพักสงบในความจริงนี้... บอกกับตัวเองหน้ากระจกทุกเช้าว่า "ฉันเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า... พระเยซูได้แลกเปลี่ยนบนกางเขน ทำให้ฉันเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมเรียบร้อยแล้ว ในสายตาพระเจ้า บัดนี้ ฉันเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์แล้ว... วันนี้ ฉันจะใช้ชีวิตให้สมกับที่ฉันเป็น"
เมื่อคุณเริ่มต้นจากจุดนี้... สันติสุขจะขับไล่ความกดดันของการพยายามเคร่งศาสนาออกไป และการดำเนินชีวิตในน้ำพระทัยของพระเจ้า จะกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพราะมันจะไหลล้นออกมาจากใจที่เต็มด้วยความรัก... ไม่ใช่ภาระที่หนักอึ้งของการแบกแอกศาสนาอีกต่อไปครับ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ...
พระบิดาที่ ลูกขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระคุณอันน่าทึ่ง ที่ทรงประทานตัวตนใหม่ให้แก่ลูกในพระเยซูคริสต์... ขอบคุณที่ลูกได้เป็นบุตรที่รักและเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์แล้ว... พระเจ้าข้า ลูกขอวางภาระหนักของการ "พยายาม" ลงที่แทบพระบาทของพระองค์ และลูกขอเลือกที่จะ "พักสงบ" ในการ "เป็น" คนที่พระองค์ได้สร้างลูกใหม่แล้ว... ขอให้การกระทำทั้งหมดของลูกในวันนี้ เป็นเพียงการตอบสนอง ที่ไหลล้นออกมาจากหัวใจ ที่ซาบซึ้งในพระคุณความรักของพระองค์ที่มีต่อลูก...ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า... อาเมน
โดย...คุณบิ๊ก (นักธุรกิจคริสเตียน)