สวัสดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นบทที่ 6 ของซีรีส์ **"ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์"** กับการเฝ้าเดี่ยวผ่าน **สดุดี บทที่ 6**
ในตอนนี้ ดาวิดคร่ำครวญถึงความทุกข์กายทุกข์ใจอย่างหนัก เขาตระหนักถึงผลของบาปในอดีต และร้องทูลต่อพระเจ้าขอพระเมตตา ไม่ให้พระองค์ตีสอนอย่างรุนแรง
💡 **ประเด็นสำคัญในบทนี้:**
✅ กฎฝ่ายวิญญาณ: **"ผู้ใดหว่านสิ่งใด ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น"** (กาลาเทีย 6:7)
✅ แม้เราจะสารภาพบาป พระเจ้าจะให้อภัย แต่ผลของบาปนั้นยังส่งผลในทางกายภาพ
✅ พระเจ้าทรงเป็นพ่อที่รักเรา แม้ต้องรับผลของบาป แต่พระองค์เมตตาผ่อนหนักให้เป็นเบา
✅ การสารภาพบาปอย่างจริงใจ นำไปสู่การคืนดีกับพระเจ้า และความมั่นใจว่าพระองค์จะตอบคำอธิษฐาน
📌 **แล้วคุณล่ะ?** เฝ้าเดี่ยววันนี้ พระเจ้าตรัสอะไรกับคุณ?
💬 แบ่งปัน **เรม่าห์** ที่คุณได้รับในคอมเมนต์ด้านล่างนะครับ! 🙏✨
📢 **อย่าลืมกด Like & Share เพื่อให้พระวจนะไปถึงพี่น้องมากขึ้น!**
🔔 Subscribe เพื่อไม่พลาดคลิปใหม่ของซีรีส์ "ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์"
จัดทำคลิปโดย .... คุณบิ๊ก
พันธกิจ Big Miracle
Line ID...BigBig477
สวัสีดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นบทที่ 6 ของซีรีย์ "ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์" ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ สดุดี
สำหรับบทที่ 6 นี้ ดาวิดอธิษฐานรำพึงรำพันถึงความทุกข์กายทุกข์ใจของเขายาวเลยครับ เพราะเป็นช่วงที่กำลังอับจนหนทางสุดๆ ศัตรูโอบล้อมไว้หมดทุกทาง ผมจะอ่านให้ฟังนะครับ
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงดุว่าข้าพระองค์ด้วยความกริ้ว และขออย่าทรงตีสอนข้าพระองค์ด้วยพระพิโรธ
ตรงนี้เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ ดาวิดเริ่มรู้ตัวว่าเคยทำบาป และกำลังรับผลของบาปอยู่ครับ ดาวิดอาจจะคิดว่า ที่เขาต้องทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ เป็นเพราะพระเจ้ากำลังตีสอนเขา ด้วยการทำให้เขาได้รับผลสะท้อนของบาปที่เคยทำ
ดาวิดเคยทำบาปร้ายแรงอะไร คุณจำได้มั๊ย อยู่ใน 2 ซามูเอลบทที่ 11-12 เป็นตอนที่ดาวิดล่วงประเวณีกับเมียลูกน้องจนเธอตั้งท้อง แถมยังวางแผนแอบฆ่าลูกน้องที่เป็นผัวของเธออีกด้วย เพื่อจะได้เอาเธอมาเป็นเมียอย่างถูกต้อง ดาวิดคิดว่าไม่มีใครรู้แผนชั่วนี้ของเขา แต่ผู้เผยพระวจนะทีชื่อนาธันรู้ และนาธันก็ได้เตือนให้ดาวิดสำนึกผิดกลับใจ เขาก็สำนึกผิดและกลับใจนะครับ แต่นาธันกล่าวว่า การกลับใจของเขาทำให้พระเจ้าอภัยบาปให้ เขายังสามารถคืนดีกับพระเจ้าได้ ยังถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรม แต่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงผลร้ายของบาปได้ คือลูกชายที่เกิดจากการเป็นชู้กับเมียของลูกน้องจะป่วยตาย และจะมีความขัดแย้งกันในครอบครัวคือ บรรดาลูกๆของเขาจะทะเลาะกันฆ่ากันเอง และเขาจะถูกลูกคนหนึ่งก่อการกบฎ นี่คือผลสะท้อนที่เขาได้รับจากบาปที่เขาเคยทำ เมื่อดาวิดสำนึกได้ จึงมาอธิษฐานคร่ำครวญขออย่าให้พระเจ้าโกรธและตีสอนเขาหนักเลย
ถึงตรงนี้ ให้คุณหยุดชั่วขณะและอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์อะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหรือไม่อย่างไร
สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ พระวิญญาณทำให้ผมระลึกได้ถึง
กาลาเทีย 6:7 ที่ท่านเปาโลกล่าวไว้ว่า "อย่าหลงเลย เพราะผู้ใดหว่านสิ่งใด ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น"
นี่คือกฎฝ่ายวิญญาณ คือคุณทำบาปอะไร ก็จะได้รับผลร้ายของบาปนั้นครับ
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณชอบกินของหวาน ดื่มน้ำอัดลมจนเป็นนิสัย คือขาดวินัยในการกิน คุณก็จะป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือถ้าคุณกินอาหารอาหารปิ้งย่างไหม้เกรียมจนเป็นนิสัย หรือกินไส้กรอก แฮม ผักผลไม้ที่มีสารเคมีตกค้างอยู่บ่อยๆ มันล้วนสะสมสารก่อมะเร็งเอาไว้ และมาออกผลตอนอายุมาก
หรือถ้าคุณลงทุนและใช้จ่ายอย่างไม่ระวัง ขาดวินัยทางการเงิน คุณก็ต้องรับผลคือเป็นหนี้ก้อนโต ต้องเหน็ดเหนื่อยหาเงินมาจ่ายหนี้
หรือถ้าคุณเลือกสามีหรือเลือกภรรยาผิด ไปเลือกคนที่ตามอารมณ์ปราถนาชั่ววูบ ก็เลยได้คนที่เหลวไหลไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว หรือคนที่เห็นแก่ตัวเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางตลอด คุณก็ต้องรับผลร้ายจากการเลือกผิดไปตลอดชีวิต
คุณหว่านอะไรก็จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น เหมือนดาวิดหว่านความบาปในการเป็นชู้กับเมียลูกน้องและวางแผนฆ่าสามีเธอด้วย ดาวิดก็ต้องรับผลของบาป โดนลูกชายกบฎและไล่ล่าหนีหัวซุกหัวซุนเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ทั้งป่วยกายและป่วยใจครับ
พี่น้องที่รัก เวลาเฝ้าเดี่ยวเข้าเฝ้าพระเจ้า เมื่อพระวิญญาณเปิดเผยสำแดงบาปบางอย่างให้คุณรู้ตัว คุณควรรู้สึกสำนึกผิดเสียใจ และรีบสารภาพกลับใจต่อพระเจ้านะครับ
ถึงตรงนี้ ผมก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ เพราะนึกได้ถึงข้อพระคัมภีร์นึงใน
1 ยอห์น 1:9 ที่ท่านยอห์นกล่าวว่า "ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงอภัยบาปให้เรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากความผิดทุกอย่างด้วย"
ผมรู้สึกว่ามันย้อนแย้งกับกฎของการหว่านและเก็บเกี่ยว ที่กล่าวว่า ผู้ใดหว่านอะไรก็จะต้องเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น ผมจึงถามพระวิญญาณว่า ท่านยอห์นกล่าวย้อนแย้งกับกฎการหว่านและเก็บเกี่ยวหรือไม่อย่างไร
แล้วพระวิญญาณก็รีบตอบผม โดยสอนผมว่า ไม่ได้ย้อนแย้งกัน แต่เจ้าเข้าใจผิดไป ท่านยอห์นกล่าวว่า ถ้าสารภาพบาป ก็จะได้รับการอภัยบาป ตรงนี้หมายถึงด้านฝ่ายวิญญาณคือ จะไม่ต้องถูกพิพากษาลงนรก และจะได้กลับมาคืนดีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า และได้รับการล้างชำระให้ชอบธรรมเหมือนไม่เคยมีบาป ตายแล้วก็ได้ไปสวรรค์ชั่วนิรันดร์ นี่คือความหมายที่ท่านยอห์นกล่าว แต่ไม่ใช่หมายถึง ถ้าทำบาปแล้วสารภาพบาปแล้ว จะไม่ต้องรับผลร้ายของบาปที่ทำในด้านกายภาพ
แล้วพระองค์ก็ขยายความให้ผมเข้าใจมากขึ้น โดยยกตัวอย่างว่า ถ้าเจ้าเมาแล้วขับรถชนคนตาย แม้เจ้าจะสำนึกผิดเสียใจในพฤติกรรมของตัวเอง และอธิษฐานสารภาพบาปต่อพระเจ้าอย่างจริงจังจริงใจ ซึ่งก็แน่นอนว่า พระเจ้าจะให้อภัยบาปตามที่ท่านยอห์นกล่าว แต่เจ้ายังต้องรับผิดชอบต่อผลของการกระทำผิดๆของเจ้า คือต้องถูกดำเนินคดี หรือแม้หลบหนีไปได้ ก็จะรู้สึกผิดต่อครอบครัวคนตายอยู่เสมอ นี่คือหว่านอะไรก็เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น ในโลกทางกายภาพ แต่ในด้านฝ่ายวิญญาณ พระเจ้าอภัยให้แก่เจ้าแล้ว เจ้าไม่มีบาปที่จะทำให้ถูกแยกห่างจากพระเจ้า
โอ้ไอซี พี่น้องที่รัก เมื่อเราทำบาป ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และสำนึกผิดมาสารภาพต่อพระเจ้า แม้พระเจ้าจะให้อภัยบาปเราแล้ว แต่ผลของบาปที่เราหว่านไว้ยังคงเกิดขึ้นในทางกายภาพครับ จะหนักหรือจะเบา ก็ไม่ทราบได้ แต่โดยส่วนใหญ่พระเจ้าจะเมตตาผ่อนหนักให้เป็นเบา อย่างเช่นดาวิด เขาก็ไม่ถึงกับต้องถูกลูกชายฆ่าตาาย แต่ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ทุกข์ยากลำบากระยะหนึ่งในทะเลทรายครับ
จากนั้นดาวิดกล่าวต่อไปว่า 2ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพระกรุณาแก่ข้าพระองค์เพราะข้าพระองค์อ่อนระโหยโรยแรง ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเยียวยาบำบัดรักษาข้าพระองค์ เพราะกระดูกข้าพระองค์ทุกข์ยากลำบาก 3ทั้งจิตใจข้าพระองค์ก็ทุกข์ยากลำบากยิ่งนัก ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานสักเท่าใด?
ในข้อนี้ ดาวิดร้องทูลขอความเมตตาจากพระเจ้า โดยคร่ำครวญว่า เขากำลังอ่อนระโหยโรยแรงมากแล้วกับสถานการณ์ที่กำลังรับผลของบาปอยู่ในตอนนี้ ขอพระเจ้าบำบัดรักษาเขาให้ดีขึ้น เพราะกระดูกและจิตใจกำลังทุกข์ยาก คำว่ากระดูกทุกข์ยากหมายถึงความทุกข์ทรมานสาหัสด้านร่างกาย และจิตใจดาวิดก็เป็นทุกข์มากด้วยที่โดนลูกชายตัวเองกบฎไล่ฆ่า
เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ การเป็นคริสเตียนนั้นแตกต่างกับสมัยที่ผมเคยเป็นชาวพุทธครับ ตอนที่ผมเป็นชาวพุทธ อยู่ภายใต้คำสอนกฎแห่งกรรมคือ คุณทำกรรมอะไรไว้ คุณจะต้องรับผลกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามกฎที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เมื่อมาเป็นคริสเตียน มีความแตกต่างคือ เราไม่ได้อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมเป๊ะๆเสมอไป เพราะเราถูกย้ายมาอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า มาเป็นลูกของพระเจ้า พระองค์ปฎิบัติต่อเราเหมือนพ่อกับลูก เรามาอยู่ในกฎแห่งพระคุณ ไม่ใช่กฎแห่งกรรมอีกต่อไป มันก็เหมือนถ้าคุณมีลูก ถ้าลูกคุณทำผิดและสำนึกผิดอย่างจริงใจ คุณเช็คแล้วก็รู้ว่าลูกสำนึกผิดแล้วจริงๆ คุณก็จะอภัยให้ จริงมั๊ยครับ ถ้าต้องรับผลร้ายของความผิดนั้น คุณก็มีเมตตาที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ใชมั๊ยครับ ดังนั้น การมาเป็นคริสเตียนจึงไม่ใช่การเปลี่ยนจากศาสนาหนึ่งมาเป็นอีกศาสนาหนึ่ง และยังคงอยู่ภายใต้กฎแห่งศาสนาต่อไป ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่เลย การมาเป็นคริสเตียนนั้น คือคุณเปลี่ยนจากเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อ มาเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว พ่อในสวรรค์จะปฎิบัติต่อคุณด้วยความรักและเมตตา ถ้าพระองค์ชันสูตรจิตใจแล้วเห็นว่า คุณสำนึกผิดกลับใจอย่างแท้จริง ในด้านฝ่ายวิญญาณ พระองค์ก็อภัยให้แน่นอน คุณได้คืนดีมีความสัมพันธ์กับพระองค์กลับมาดีเหมือนเดิม สามารถมาอธิษฐานขอสิ่งจำเป็นต่อพระองค์ได้ต่อไป ตายแล้วก็ไม่ตกนรกชั่วนิรันดร์ แต่ว่าในด้านกายภาพ คุณอาจยังต้องรับผลร้ายของบาปอยู่ แต่ด้วยความเมตตาของพระเจ้า ก็อาจช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาครับ
จากนั้น ดาวิดก็อธิษฐานต่อไปว่า
4ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงหันมาช่วยชีวิตของข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์ 5เพราะในความตาย ไม่มีการระลึกถึงพระองค์ ในแดนคนตาย ใครเล่าจะยกย่องพระองค์? 6ข้าพระองค์อ่อนเปลี้ยด้วยการคร่ำครวญ และหลั่งน้ำตาท่วมที่นอนทุกคืน ที่เอนกายก็ชุ่มโชกไปด้วยน้ำตา 7ดวงตาข้าพระองค์ร่วงโรยไปด้วยความระทม
ตรงนี้จะเห็นว่า ดาวิดร้องขอความเมตตาจากพระเจ้าครับ เหมือนลูกขอความเมตตาจากพ่อ เขาสำนึกผิดแล้วและร้องไห้หลั่งน้ำตาท่วมที่นอนทุกคืน
เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ เมื่อคุณสำนึกผิดก็อย่าทำตัวเข้มแข็ง แต่ให้ระบายอารมณ์ความรู้สึกของคุณต่อพระเจ้าอย่างเต็มที่ ทำแบบนี้จะทำให้จิตวิญญาณของคุณใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น ยอมรับในความอ่อนแอผิดพลาดของคุณ และเสียใจต่อการกระทำนั้นของคุณ เหมือนคุณร้องไห้ระบายความในใจต่อพ่อของคุณ การร้องไห้กับพระเจ้าก็ทำได้นะครับ คนละประเด็นกับการพยายามร้องไห้เพื่อเรียกร้องคะแนนสงสาร แต่การร้องไห้สำนึกผิดเสียใจ คือน้ำตาที่พระเจ้าพอใจครับ มันเป็นคนละเรื่องกับการร้องไห้ด้วยการใช้น้ำตาบีบบังคับให้พระเจ้าต้องตอบคำอธิษฐานของคุณ พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานเพราะความเชื่อวางใจในพระองค์ต่างหาก อย่าเอาน้ำตามาบีบบังคับให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน แต่ให้เอาความเชื่อวางใจพระองค์ เอาการยกย่องสรรเสริญความยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด เอาการขอบพระคุณ มาอธิษฐานทูลขอครับ จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องของคริสเตียน ส่วนการร้องไห้นั้น เอาไว้ใช้เวลาสำนึกผิดในบาปอย่างจริงจังและจริงใจครับ
จากนั้น ดาวิดตบท้ายโดยกล่าวว่า
8เจ้าทุกคนผู้ทำความชั่ว จงพรากไปจากข้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงสดับเสียงร้องไห้ของข้าแล้ว 9พระยาห์เวห์ได้ทรงสดับคำวิงวอนของข้า พระยาห์เวห์ทรงรับคำอธิษฐานของข้า 10ศัตรูทั้งสิ้นของข้าจะอับอายและหวาดหวั่นยิ่งนัก เขาทั้งหลายจะหันกลับและจะอับอายในพริบตาเดียว
เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ
ถึงตรงนี้ ดาวิดเริ่มมั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเขาแล้วครับ ถ้าคุณสังเกตุให้ดี ดาวิดเริ่มต้นจากการคร่ำครวญถึงความผิดบาปที่เขาเคยทำ เขารู้ว่ากำลังถูกพระเจ้าตีสอน และต่อมาเขาก็สำนึกผิดร้องไห้เสียใจจนน้ำตาท่วมที่นอน แต่เขาไม่ได้จมอยู่กับความสำนึกผิดไปตลอด เขาไม่ได้เฝ้าตำหนิตัวเองหรือด่าว่าตัวเอง เมื่อเขาร้องไห้สารภาพบาปต่อพระเจ้าอย่างจริงใจจริงจังแล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาของพระเจ้าทีอภัยโทษบาปให้ เขาจึงเลิกด่าหรือตำหนิตัวเอง เลิกร้องไห้ แล้วหันมามีความมั่นใจว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเขาแน่ ศัตรูจะหลบหนีไปจากเขา เพราะอะไรทำให้เขามั่นใจ? ก็เพราะเขาได้สำนึกผิดในบาปแล้ว และเขากลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าแล้ว เขาจึงมั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบครับ คนที่ไม่มั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบ ก็มักจะมีอะไรรู้สึกฟ้องผิดอยู่ในใจตลอด จึงคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ และไม่คู่ควรที่พระเจ้าจะช่วย แต่เมื่อใดที่คุณสารภาพบาปอย่างจริงใจ จนความรู้สึกฟ้องผิดหายไป คุณจะรู้สึกกลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าได้อีกคร้ง เมื่อนั้นคุณก็จะมั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของคุณ ไม่ใช่เพราะการทำความดีของคุณ แต่เป็นเพราะพระคุณความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อคนบาปที่กลับใจต่างหากหล่ะครับ
เอาหล่ะครับ มาร่วมสนุกกัน เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ คุณได้รับเรม่าห์อะไร ก็ให้เขียนคอมเม้นท์ลงในใต้คลิปนี้นะครรับ
คุณเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้แล้วหรือยัง ถึงวิธีอธิษฐานของดาวิด? คุณเข้าใจหลักการหว่านและเก็บเกี่ยวหรือยัง? คุณเข้าใจกฎแห่งพระคุณแตกต่างจากกฎแห่งกรรมแล้วหรือยัง? อะไรทำให้คุณเอาชนะกฎแห่งกรรมได้? คือการสำนึกผิดสารภาพบาปอย่างจริงจังจริงใจใช่หรือไม่?อย่างไร?
เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ ให้คุณหยุดและอธิษฐานขอพระวิญญาเปิดเผยสำแดงให้คุณได้รับรู้ แล้วพิมพ์คำตอบในคอมเม้นท์ใต้
พรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกัน เพื่อจะหยั่งรู้น้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น แล้วชีวิตคุณจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย คุณจะเต็มล้นด้วยศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด เพื่อพระเจ้าจะใช้คุณไปเป็นท่อพระพรใหญ่สู่ผู้คนในวงกว้างมากมายได้ อาเมนมั๊ยพีน้อง ขอพระเจ้าอวยพร