วันนี้เราจะมาศึกษาสดุดีบทที่ 20 📖 ซึ่งเป็นบทเพลงที่ประชาชนร้องก่อนกษัตริย์ดาวิดจะออกศึก 💥 และในที่สุดก็ได้รับชัยชนะ! 🎉 แต่ชัยชนะนี้เกิดจากอะไร? มาจากรถม้าและกองทัพ หรือมาจากพระเจ้า?
🔍 **ไฮไลท์สำคัญจากคลิปนี้:**
✅ คำอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงช่วยกษัตริย์ (ข้อ 1-5) 🙏
✅ ความมั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้า ✝️
✅ การถวายในพันธสัญญาใหม่ 💰❤️
✅ ประกาศความเชื่อเหมือนดาวิดและเปาโล! 🗣️
🔥 "ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า" (ฟิลิปปี 4:13)
📌 ฟังจนจบแล้วคุณจะเข้าใจว่า **ความสำเร็จของคริสเตียนในยุคพันธสัญญาใหม่ อยู่ที่การวางใจในพระเยซู ไม่ใช่ในรถม้าและกองทัพ** 🚀✨
📢 **อย่าลืม!** เปิดพระคัมภีร์ อ่าน อธิษฐาน และรับเรม่าห์เองก่อนรับชม แล้วคุณจะได้รับพระพรอย่างลึกซึ้ง! 🙏💖
📺 **กดติดตาม กดไลค์ และแชร์ออกไปเพื่อเป็นพรแก่ผู้อื่นนะครับ!** 🎊✨
จัดทำคลิปโดย.... คุณบิ๊ก
พันธกิจ...Big Miracle
Line ID...BigBig477
www.bigmiracle.org
สวัสีดีครับพี่น้อง คุณกำลังอยู่ในซีรีย์" ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์ ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ สดุดี คลิปนี้เป็นบทที่ 20 นะครับ บทนี้เป็นตอนที่ดาวิดเป็นกษัตริย์แล้วนะครับ ประชาชนนำมาร้องเพลงนี้ในช่วงก่อนที่กษัตริย์ดาวิด จะออกรบต่อสู้กับข้าศึกชาวอัมโมน และในที่สุด ข้าศึกก็พ่ายแพ้ ดาวิดทำให้บ้านเมืองสงบสุขไปหลายปี จนต่อมาเขาก็เลยทำบาปในการล่วงประเวณีกับนางบัพเชบา เพราะสบายแล้วก็เลยทำบาปได้ง่ายๆ ถ้าอยากรู้รายละเอียด ก็ไปอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ 2 ซามูเอล บทที่ 10 และ 11 ครับ
สำหรับสดุดีบทที่ 20 นี้ ผมจะไม่อ่านนะครัีบ แต่จะสรุปย่อๆ ให้คุณเปิดพระคัมภีร์อ่านเอง อธิษฐานขอเรม่าห์เองสักรอบ แล้วค่อยมาฟังการแบ่งปันเรม่าห์ของผมนะครับ คุณจะได้ฝึกอ่านพระคัมภีร์แบบประกอบด้วยพระวิญญารไปด้วย ผมจะสรุปย่อๆก่อน แล้วค่อยแบ่งปันเรม่าห์ที่ผมได้รับ
ใน(ข้อ 1-5) เป็น คำอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงช่วยกษัตริย์ของพวกเขา คือขอให้ตอบคำอธิษฐาน ขอให้พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานในยามทุกข์ยาก ขอให้พระองค์ระลึกถึงเครื่องบูชาและความซื่อสัตย์ของกษัตริย์ ขอให้พระเจ้าให้ชัยชนะตามแผนการของพระองค์
เรม่าห์ที่ผมได้รัีบคือ ตรงนี้ทีแรกผมรู้สึกว่าเหมือนกับพวกเขาทวงบุญคุณกับพระเจ้านะครับ พวกเขาเหมือนจะทวงให้พระเจ้าระลึกถึงได้ถึงการถวายเครื่องบูชาของพวกเขา และความสัตย์ซื่อดีงามของพวกเขา แต่พระวิญญาณเตือนสติผมว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าพวกเขาพูดด้วยอาการเย่อหยิ่งในความดีของตัวเอง ก็จะเป็นเหมือนพวกฟาริสีและธรรมจารย์ที่ถูกพระเยซูตำหนิ แต่ในบริบทนี้ พวกเขาถ่อมใจอธิษฐานต่อพระเจ้า การขอให้พระเจ้าระลึกถึงเครื่องบูชาที่พวกเขาถวาย ไม่ได้เป็นการทวงว่า "ฉันเชื่อฟังทำตามกฎบัญญัติของโมเสสแล้ว ฉันสัตย์ซื่อถวายสิบลดไม่เคยขาด คุณต้องไม่ลืมที่จะอวยพรฉันนะ" คือถ้าถวายด้วยท่าทีแบบนี้ก็เป็นท่าทีที่ผิด แต่ประชาชนในการปกครองของดาวิด ไม่ได้พูดทวงด้วยท่าทีแบบนี้ พวกเขากำลังพูดให้ตัวเองมั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้า ที่ทรงสัญญาไว้ถึงการถวายเครื่องบูชาด้วยการเชื่อฟัง มันทำให้พวกเขาจดจำพระสัญญาของพระเจ้าได้ต่างหาก ซึ่งทำให้มีความมั่นใจในการออกรบว่าจะได้รับชัยชนะ
อีกอย่าง พระเจ้าไม่เคยลืม ไม่ว่าใครจะอธิษฐานอะไรไว้ พระเจ้าจำได้หมด แต่พวกเรามัีกเป็นแบบนี้คือ เวลารอนานแล้วพระเจ้ายังไม่เห็นตอบ แล้วก็เกิดความหวาดกลัววิตกกังวลเคร่งเครียดกับปัญหา นั่นก็เป็นเพราะพวกเราเองต่างหาก ที่มักหลงลืมไปว่า พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและรักษาพระสัญญาเสมอ คุณไม่ต้องไปคอยเตือนให้พระเจ้าจดจำเรื่องที่คุณอธิษฐานขอไปนะครับ แต่คุณต้องเฝ้าบอกตัวเองให้เชื่อมั่นในพระสัญญาของพระองค์ต่างหากครับ รักษาความเชื่อศรัทธาในพระสัญญาของพระเจ้าไว้อย่างต่อเนื่องไม่หวั่นไหวคลอนแคลน แล้วชีวิตคุณจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลยครับ
แต่มายเซ็ตของคนในพันธสัญญาเดิม ต่างกับมายเซ็ตของพวกเราในพันธสัญญาใหม่นะครับ พวกเขาเชื่อมั่นในพระสัญญาว่าพระเจ้าจะอวยพร เมื่อพวกเขาถวายเครื่องบูชาตามบัญญัติไม่บกพร่อง ความมั่นใจในพระสัญญาเกิดจากการที่มั่นใจว่าตัวเองเชื่อฟังบัญญัติ และได้ถวายเครื่องบูชาอย่างสัตย์ซื่อมาตลอด นี่คือมายเซ็ตของคนในพันธสัญญาเดิม แต่พวกเราในพันธสัญญาใหม่จะแตกต่างนะครับ พวกเราไม่ได้มั่นใจในพระสัญญาว่า ถ้าเราถวายอย่างสัตย์ซื่อเชื่อฟังแล้ว พระเจ้าจะอวยพรตามพระสัญญา คุณยังจำมาลาคี 3:10 ได้มั๊ยครับ
แล้วความมั่นใจว่า พระเจ้าจะรักษาพระสัญญา ของพวกเราคริสเตียนในพันธสัญญาใหม่ อยู่ที่ไหนครับ? เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะอวยพรให้มีชัยชนะ อยู่ที่ไหน? พระวิญญาณทำให้ผมระลึกได้ถึง ฮีบรู 10: 10 และโดยพระประสงค์นี้เราทั้งหลายจึงได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอ
เห็นมั๊ยครับพี่น้อง คนในพันธสัญญาเดิมเขาต้องถวายเครื่องบูชาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเราคริสเตียนในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูคือเครื่องบูชาลบบาปให้แก่พวกเราแล้ว ครั้งเดียวก็พอ แต่เราจะระลึกถึงพระเยซูบนกางเขนครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราเข้ามาอธิษฐาน เพราะความมั่นใจของเราอยู่ที่พระสัญญาใหม่ คือมั่นใจสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเรา ไม่ใช่มั่นใจในความดีของตัวเราเอง
เพราะอะไรครับ ? เพราะนี่คือพันธสัญญาใหม่ไงหล่ะครับ ทุกอย่างมีจุดโฟกัสที่พระเยซู ไม่ใช่ที่ตัวเรา ในฮีบรู 10: 23 กล่าวว่า ให้เรายึดมั่นอย่างไม่คลอนแคลนในความหวังใจซึ่งเราประกาศรับไว้ เพราะพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ
เห็นมั๊ยครับพี่น้อง พระเจ้าผุ้ทรงสัญญานั้นสัตย์ซื่อที่จะรักษาพระสัญญา ดังนั้น พระสัญญาแห่งการอวยพร อยู่ที่เรามีความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ที่ได้ทำเพื่อเราบนกางเขน ความบาปของเราไปอยู่ที่พระองค์ และความชอบธรรมของพระองค์มาอยู่ที่เราแทนแล้ว ดังนั้น ถ้าคุณถวายสิบลดอย่างสัตย์ซื่อ ไม่ใช่ด้วยการใช้ความเชื่อในมาลาคี 3:10 แบบที่คนในพันธสัญญาเดิมเขาเชื่อแบบนั้น คุณต้องมีความเชื่อและมีมายเซ็ตใหม่ว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานและอวยพรคุณ เพราะคุณเชื่อมั่นในการแลกเปลี่ยนของพระเยซูบนกางเขน คุณมั่นใจในพระคุณพระเจ้าที่มาทางพระเยซูคริสต์ พระองค์ได้ยอมรับบาปแทนคุณแล้ว และความดีงามความชอบธรรมของพระองค์ย้ายมาอยู่ที่คุณแล้ว พระเจ้าตอบคำอธิษฐานและอวยพร ไม่ได้เพราะคุณเชื่อฟังในการถวายตามบัญญัติในมาลาคี 3:10 แต่คุณมั่นใจในพระคุณความรักความเมตตา และพระองค์รักษาพระสัญญาของพระองค์ ก็เพราะคุณเชื่อวางใจในสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทำเพื่อคุณบนกางเขน
ถึงตรงนี้ ผมก็คิดในใจว่า ถ้าเป็นแบบนี้ คริสเตียนก็เลยไม่ถวายสิบลดกันนะสิ เพราะยังไงแค่เชื่อกางเขนพระเยซู ก็ได้รับการตอบคำอธิษฐานและได้รับการอวยพรแล้ว เพราะพระเจ้าทำตามคำสัญญาใหม่นี้แล้ว พระวิญญาณรู้ว่าผมคิดอะไรในใจ พระองค์รีบตอบผม โดยหนุนใจผมว่า จริงอยู่ว่าคริสเตียนไม่ต้องทำตามมาลาคี 3:10 เพื่อจะได้รับการอวยพรเมื่อถวาย แต่หลักการถวายสิบลดยังคงมีอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนท่าทีในการถวายเท่านั้นนะ ไม่ใช่ไม่ต้องถวายเลย สำหรับท่าทีใหม่ของคริสเตียนในการถวาย ไม่ใช่เพราะเชื่อฟังทำตามกฎแล้วพระเจ้าจะอวยพร ท่าทีนี้ต้องเปลี่ยนใหม่เป็น ถวายด้วยความรักพระเจ้า ถวายาด้วยความชื่นชมยินดีที่ได้รับพระคุณเปล่าๆฟรีๆเพราะได้รับการไถ่บาปจากพระเยซู ถวายเพราะได้รับสิ่งดีๆจากพระเจ้า การอวยพรจากพระเจ้าไม่ได้ดูที่ตัวเงินในธนาคารเท่านั้น แต่คุณได้รับสิ่งดีๆมากมายที่อาจไม่ได้อยู่ในรูปตัวเงิน คุณจึงถวายด้วยความเต็มใจและมีความสุขเพราะรักและซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้า คุณอยากจะสนับสนุนพันธกิจ ขยายแผ่นดินพระเจ้า ให้คนทั่วโลกมารับพระคุณนี้จากพระองค์ด้วย โดยผ่านทางความเชื่อในกางเขนของพระเยซูครับ นี่คือท่าทีใหม่ของคนในยุคพันธสัญญาใหม่
อย่างไรก็ตาม คุณยังต้องถวาย แต่ถวายด้วยท่าทีใหม่ครับ ไม่ได้เพราะถูกบังคับด้วยกฎ ไม่ใช่ถวายเพราะกลัวไม่ได้รับการอวยพร แต่คุณมองเห็นพระคุณและพระพรรอบตัวคุณแล้ว คุณจึงตอบสนองด้วยการรักพระเจ้า และอยากมีส่วนรับใช้ด้วยการถวายสนับสนุนพันธกิจต่างๆครับ ไม่ใช่คิดแบบนักธุรกิจว่า "ฉันให้คุณไปเท่านั้น คุณต้องตอบแทนฉันคืนนะตามพระสัญญา " ถ้าคิดแบบนี้เป็นท่าทีที่ผิดและจะทำให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าผิดเพี้ยนไปครับ คุณลองทบทวนตัวเองดู โบสถ์ของคุณสอนให้คุณถวายด้วยความรักซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้า หรือเอามาลาคี 3:10 มาขู่ให้คุณถวาย ถ้าไม่ถวายแล้วพระเจ้าจะไม่อวยพร โบสถ์ของคุณเอาพันธสัญญาเดิมมาสอนให้ถวาย หรือเอาพันธสัญญาใหม่มาสอนให้ถวายครับ
สำหรับผม เวลาผมได้กำไรจากธุรกิจปั๊ป ผมจะร้องสรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้าทุกครั้ง และจะรีบกันเงินไว้ 10% จากกำไรก้อนนั้นเลย ด้วยความรักพระเจ้า และชื่นชมยินดีในพระคุณที่ได้รับ ผมจะไม่ไปคิดถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่จะสะสมไว้ถวายในวันอาทิตย์ โดยไม่แตะเงินก้อนนี้เลย แล้วผมจะเอาใจใส่บริหารเงินอีก 90% ให้สามารถจ่ายกับทุกสิ่งได้ ถ้าจ่ายไม่ได้ ผมจะอธิษฐาน 2 ข้อคือ ข้อแรก ผมขอให้มีสติปัญญาที่จะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆที่พระเจ้าส่งเข้ามาและทำให้งอกเงยขึ้นได้ ข้อสอง ผมขอให้มีวินัยในการใช้จ่ายให้อยู่ในเงิน 90% นั้น และพระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐาน 2 ข้อนี้คือ ทำให้ผมมีช่องทางโอกาสมีรายได้ใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น และทำให้ผมมีวินัย รุ้จักควบคุมตนเอง ใช้จ่ายเงิน 90% ได้อย่างไม่ขัดสน บางอย่างไม่จำเป็นก็ตัดออกไป และสิบลดผมจะนำไปถวายให้กับคนที่ทำให้ผมเติบโตในความเชื่ออย่างถูกต้องครับ ถ้าผมฟังคลิปคำสอนใครในยูทูปแล้วทำให้ผมมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เติบโตในความเชื่อและความรักที่มีต่อพระเจ้ามากขึ้น ผมก็จะถวายให้คนนั้น หรือถ้าใครมีนิมิตและพันธกิจใดที่จะขยายแผ่นดินพระเจ้า ผมก็จะถวายสนับสนุนพันธกิจนั้น เมื่อผมเปลีี่ยนท่าทีใหม่และวิธีใหม่ในการถวายแล้ว โดยไม่ได้เรียกร้องการอวยพรแลกเปลี่ยนกลับคืน ผมก็รู้สึกมีความสุขกับการถวายมากเลยครับ
ใน (ข้อ 6-8)ผู้เขียนคือกษัตริย์ดาวิด ประกาศความเชื่อว่า พระเจ้าจะเป้นผู้ประทานชัยชนะ ส่วนพวกที่พึ่งพารถม้าและกองทัพจะล้มลง แต่ผู้ที่วางใจในพระเจ้าเท่านั้นจะยืนหยัดและมีชัยชนะได้
ตรงนี้ ดาวิดไม่ได้ประกาศความเชื่อว่า ชัยชนะของเขาอยุ่ที่รถม้าและกองทัพนะครับ แต่ประกาศว่า ชัยชนะของเขามาจากพระเจ้าเท่านั้น
เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ พระวิญญาณทำให้ผมระลึกได้ถึง ฟิลิปปี 4:13 ที่ท่านเปาโลกล่าวว่า "ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า"
แล้วพระวิญญาณก็หนุนใจผมว่า ท่านเปาโลทำอะไรได้มากมายหลายอย่างในการขยายแผ่นดินพระเจ้า แม้เขาจะเป็นเพียงคนเย็นเต็นท์เท่านั้น แต่แผ่นดินพระเจ้าขยายไปทั่วจักรวรรดิ์โรมัน ก็เพราะเปาโลประกาศความเชื่อว่า เขาทำทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผุ้ทรงเสริมกำลังเขา หมายถึง ที่มาของความสำเร็จเป็นเพราะพระเจ้าช่วยเขา ไม่ใช่เพราะตัวเขาเองทำธุรกิจเย็บเต๊นท์ขายเต๊นท์เก่ง มีเงินมากมายในการจ้างคนมาช่วยทำพันธกิจประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าเขาคิดแบบนี้ ก็แสดงว่าเขาเชื่อมั่นในรถม้าและกองทัพ แต่เขาไม่ได้คิดแบบนี้ เขาประกาศความเชื่อว่า เขาทำทุกสิ่งได้เพราะพระเจ้าเสริมกำลังให้เขาทำได้ นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จของคริสเตียนในพันธสัญญาใหม่ ต้องมีมายเซ็ตแบบเปาโล
โอ้มายก๊อด เรม่าห์นี้ทำให้ผมนึกถึงตัวเองในสมัยก่อนหลายปีที่ผ่านมา ผมมักจะเคร่งเครียดกับการต่อสู้กับปัญหา เวลายอดขายตกหรือเวลาเจ้าหนี้ทวง ผมจะวิตกกังวลจนนอนไม่หลับ นั่นก็ล้วนเป็นเพราะผมจะมักคิดว่า รถม้าและกองทัพของผมน้อยนิด ไม่มีทางที่จะเอาชนะปัญหาใหญ่โตได้ แล้วก็คิดวนเวียนหาทางแก้ปัญหาจนนอนไม่หลับ ซึ่งต่อมาภายหลังผมจึงเข้าใจว่า ผมเอาความวางใจในความสำเร็จไปอยู่ที่รถม้าและกองทัพ แต่ไม่ได้ทำแบบดาวิด เขาเป็นกษัตริย์ที่ไม่ได้วางใจในจำนวนของรถม้าและกองทัพ แต่เขาวางใจที่พระเจ้า และเขาก็ประสบความสำเร็จเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ ก็เพราะเขามักประกาศความเชื่อว่า เขาวางใจในพระเจ้าที่จะเป็นผู้ประทานความสำเร็จให้ ไม่ใช่วางใจในรถม้าหรือกองทัพครับ
เดี๋ยวนี้ผมไม่หวั่นไหวหวาดกลัวกับปัญหาใหญ่โตใดๆแล้ว เพราะผมย้ายความวางใจของผมมาที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แทนแล้ว ผมไม่ได้มัวท้อแท้กับสิ่งเล็กน้อยที่มีอยู่ตรงหน้า แม้ทรัพยกรในการทำสิ่งต่างๆจะเล็กน้อย แม้ความรู้ความสามารถจะมีจำกัด เงินทุนก็มีจำกัด จนแทบไม่มีทางเอาชนะอุปสรรคปัญหาใหญ่โต แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ท้อแท้ท้อถอยเลย เพราะความวางใจพระเจ้าของผมเติบโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว แม้ธุรกิจจะยังเล็ก และนิมิตพันธกิจจะใหญ่โต ที่จะขยายแผ่นดินพระเจ้าไปตั้งคจ.เครือข่ายบ้านใน 8 หมื่นชุมชนทั่วไทย ดูเหมือนใหญ่โตเกินกำลังและทรัพยากรที่มีในตอนนี้ แต่พระวิญญาณก็หนุนใจผมทุกๆวันว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องไปคิดถึงความจำกัดของตัวเอง แต่ให้คิดถึงความยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัดของพระเจ้า และไว้วางใจว่า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นโดยการเสริมกำลังเสริมทรัพยากรจากพระองค์เอง ผมจึงร่าเริงเบิกบานมีความสุขได้ทุกวันครับ เพราะไว้วางใจการช่วยเหลือการเสริมกำลังจากพระเจ้าเสมอ
แต่เพื่อให้สมดุล การไว้วางใจพระเจ้าไม่ได้หมายถึงงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรนะครับ ผมต้องย้ำตรงนี้บ่อยๆ เพราะหลายๆคนวางใจแล้วก็วางมือไปด้วย คือคุณก็ยังต้องขยันลงมือทำบางอย่างในกิจกรรมที่คุณทำได้นะครับ อาจต้องขยันเรียนรู้ฝึกฝนทักษะใหม่ๆให้ก้าวทันโลกด้วย แต่ทำด้วยความวางใจพระเจ้า ไม่ใช่ทำด้วยความร้อนรุ่มหวาดกลัววิตกกังวลเคร่งเครียด การวางใจพระเจ้าจะทำให้คุณทำกิจกรรมต่างๆอย่างมีสันติสุข เพราะมั่นใจลึกๆว่าจะประสบความสำเร็จแน่ เพราะพระเจ้ากำลังแอบแบ็คอัพช่วยเหลือคุณอยู่ในส่วนที่เกินกำลังของคุณ คริสเตียนต้องมีมายเซ็ตแบบนี้นะครับ บอกตัวเองเป็นประจำว่า ฉันทำทุกสิ่งได้ ฉันทำทุกสิ่งได้ โดยพระเจ้าคอยแบ็คอัพช่วยเหลือฉัน ไม่ใช่เฝ้าบอกตัวเองว่า ฉันทำไม่ได้ ฉันมันโง่ ฉันไม่ฉลาด ฉันเด็กเกินไป ฉันแก่เกินไป ฉันไม่ดีพอ ฉันไม่คู่ควร ฉันล้มเหลวอีกแน่ๆ คือยิ่งคุณเฝ้าบอกตัวเองแบบนี้ ก็แปลว่าคุณกำลังเอาความวางใจของคุณไว้ที่รถม้าและกองทัพ คือวางใจในกำลังความสามารถของตัวเอง และไม่ได้วางใจในความยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัดของพระเจ้า เมื่อวางใจผิดที่ คุณก็เลยเคร่งเครียดหวาดกลัววิตกกังวลท้อถ้อยซึมเศร้าอยากตายไงหละครับ ต้องเปลี่ยนมายเซ็ต หันมาประกาศความเชื่อให้บ่อยที่สุด ประกาศความเชื่อว่า แันทำทุกสิ่งได้ ฉันทำทุกสิ่งได้ ฉันทำทุกสิ่งได้ ไม่ใช่ด้วยกำลังหรือสติปัญญาความสามารถที่จำกัดของฉัน แต่ด้วยการเสริมกำลัง ด้วยการช่วยเหลือจากพระเจ้าต่างหาก ฉันจึงประสบความสำเร็จแน่ คุณควรประกาศความเชื่อแบบดาวิดในพระคัมภีร์บทนี้ไปทุกๆวัน จนฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึก เชื่อทั้งยามหลับและยามตื่น แล้วชีวิตคุณจึงจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง
เอาหล่ะครับ มาร่วมสนุกกัน เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ คุณได้รับเรม่าห์อะไร ก็ให้เขียนคอมเม้นท์ลงในใต้คลิปนี้นะครรับ คุณเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้แล้วหรือยังว่า การถวายสิบลด มีพระสัญญาของพระเจ้าในพันธสัญญาเดิม แตกต่างกับพระสัญญาในพันธสัญญาใหม่อย่างไร? คุณควรปรับท่าทีในการถวายให้สมกับเป็นคนในพันธสัญญาใหม่อย่างไร? เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ ให้คุณหยุดและอธิษฐานขอพระวิญญาเปิดเผยสำแดงให้คุณได้รู้ว่า การที่คุณยังเคร่งเครียดหวาดกลัววิตกกังวล หรือกำลังท้อแท้ซึมเศร้าอยากตาย เป็นเพระคุณเอาความวางใจในความสำเร็๗ไปไว้ที่ตรงไหน? คุณวางใจในรถม้าหรือกองทัพตัวเองอยู่หรือเปล่า? หรือคุณวางใจในพระเจ้าเท่านั้นแบบดาวิด? คุณเป็นคนอย่างไร ให้อธิษฐานขอพระวิญญาณเปิดเผยสำแดงให้คุณรู้ตัวนะครับ
พรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกัน เพื่อจะเข้าใจถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ดีเลิศมากยิ่งขึ้น แล้วชีวิตคุณจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย คุณจะกลายเป็นท่อพระพรใหญ่สู่ผู้คนในวงกว้างมากมายได้ อาเมนมั๊ยพีน้อง ขอพระเจ้าอวยพร