วันนี้เรามาเฝ้าเดี่ยวด้วยกันกับ **สดุดีบทที่ 19** ซึ่งดาวิดได้แต่งขึ้นเพื่อเปิดเผย **พระลักษณะของพระเจ้า** 🙌💛
📌 **สดุดี 19 แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ**
1️⃣ **พระสิริของพระเจ้าในการทรงสร้าง** 🌿🌞 ฟ้าสวรรค์และทุกสิ่งที่ทรงสร้างเป็นพยานถึงพระสิริของพระองค์ แม้ไม่มีเสียงพูด แต่ก็ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอย่างชัดเจน (ข้อ 1-6)
2️⃣ **พระวจนะของพระองค์เป็นแสงสว่างนำทาง** 🔥📖 พระวจนะของพระเจ้าช่วยฟื้นฟูจิตใจ ให้ปัญญา และนำชีวิตเราให้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง (ข้อ 7-11)
🙏 **ขอให้เราหยุดชั่วขณะและอธิษฐาน** ถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า มี **เรม่าห์** พิเศษอะไรที่พระองค์อยากตรัสกับเราในวันนี้ ✨
🎯 **สรุปประเด็นสำคัญ:**
✅ ธรรมชาติรอบตัวสะท้อนว่าพระเจ้ามีอยู่จริง 🌏
✅ พระวจนะเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณที่เสริมสร้างชีวิต 📖
✅ การสารภาพบาปช่วยให้เรารักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้า 🙏
💡 **รับชมเต็มๆ ในคลิปนี้ แล้วมาเฝ้าเดี่ยวด้วยกันนะครับ!** 💛🔥
#เฝ้าเดี่ยว #สดุดี19 #พระสิริของพระเจ้า #พระวจนะนำชีวิต #ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์
จัดทำคลิปโดย.... คุณบิ๊ก
พันธกิจ...Big Miracle
Line ID...BigBig477
www.bigmiracle.org
สวัสีดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นบทที่ 19 ของซีรีย์ "ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์" ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ สดุดี
ในบทที่ 19 เป็นบทเพลงที่ดาวิดแต่งขึ้น เพื่อเปิดเผยพระลักษณะของพระเจ้า แบ่งเป็นสองส่วน่คือ (1) พูดถึงการทรงสร้างของพระเจ้า ธรรมชาติรอบตัวเรา สะท้อนให้เห็นถึงฤทธานุภาพและพระสิริยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และ (2) พูดถึงพระวจนะของพระองค์ ซึ่งเป็นแสงสว่างนำทางให้แก่ชีวิตเราครับ
ผมจะสรุปย่อๆนะครับ ถ้าคุณอยากรู้อย่างละเอียด ก็เปิดพระคัมภีร์อ่านเองได้นะครับ
ใน (ข้อ 1-6) ดาวิดกล่าวทำนองว่า ฟ้าสวรรค์และสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นพยานถึงพระสิริและฤทธานุภาพของพระองค์ แม้ไม่มีเสียงพูด แต่สรรพสิ่งก็ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าให้ทุกคนเห็น อุปมาเหมือนดวงอาทิตย์ ที่เคลื่อนผ่านฟ้าสวรรค์เหมือนเจ้าบ่าวออกจากห้องหอ หรือเหมือนนักวิ่งที่วิ่งแข่ง พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดวงโคจรของมัน
ให้คุณหยุดชั่วขณะและอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์พิเศษอะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหร้ื่อไม่อย่างไร? สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ
พระวิญญาณทำให้ผมระลึกคำพูดของท่านเปาโลที่กล่าวไว้ใน โรม 1:19-20 ว่า เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย
ท่านเปาโลยกข้อความนี้ของดาวิดมากล่าวในโรม 1:19-20 ในขณะประกาศข่าวประเสริฐด้วยจดหมายที่ส่งไปยังกรุงโรม ทำนองว่า สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าธรรมชาติที่เป็นระเบียบและงดงามสมดุลนั้น ก็คือการสะท้อนให้เห็นว่าพระเจ้ามีอยู่จริง เพราะมีการออกแบบดีไซน์ไว้อย่างตั้งใจและอัศจรรย์ ไม่ใช่เกิดขึ้นเองอย่างบังเอิญ ดังนั้น เวลาคุณประกาศข่าวประเสริฐ โดยเฉพาะกับคนต่างชาติที่ไม่ใช่ยิว เหมือนที่ท่านเปาโลทำ คือ ก่อนจะนำเขามาหาพระเจ้าโดยทางพระเยซูคร้ิสต์ คุณควรพูดให้เขาเข้าใจและมีความเชื่อในการมีตัวตนอยู่จริงของพระเจ้าก่อน มันเป็นการปูพื้นฐานให้เขาได้ยินได้ฟังสิ่งที่เขายังไม่เคยรับรู้มาก่อน ไม่ใช่จู่ๆก็พูดเรื่องพระเยซูก่อนทันที เมื่อเขายอมรับอย่างไม่มีข้อแก้ตัวแล้วว่า พระเจ้ามีจริง และเป็นผู้สร้างธรรมชาติ สร้างโลกสร้างจักรวาล แล้วจึงค่อยนำเขาให้เข้าใจว่า ความบาปทำให้มนุษย์ถูกแยกห่างจากพระเจ้า และหนทางกลับมารับการอภัยบาปจากพระเจ้าคือ การเชื่อในการไถ่บาปของพระเยซู เมื่อได้รับการไถ่บาปแล้ว ก็ดำเนินชีวิตด้วยการพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้าไปตลอดชีวิต ตายแล้วก็ได้ไปอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ นี่คือเนื้อหาสาระแบบง่ายๆของข่าวประเสริฐครับ ไม่ใช่ไปเน้นแต่เรื่องอิทธฤทธิ์ปราฎิหารย์มูเตลู จนทำให้จุดโฟกัสของข่าวประเสริฐไขว้เขวไป
ถึงตรงนี้ ผมก็นึกได้ถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่ผมประกาศข่าวประเสริฐกับลูกชาย 2 คนและลูกสาวคนเดียวของผม ตอนที่พวกเขาอยู่ในวัยปฐม ผมใช้วิธีไหนรู้มั๊ยครับ ผมก็ใช้วิธีเปิดหนังสารคดีสัตว์และพืชและดูด้วยกันกับลูกๆอย่างสนุกสนาน และผมก็พูดกับเด็กๆให้เข้าใจว่า สัตว์และพืชรวมถึงมนุษย์เรา มีการออกแบบดีไซน์มาอย่างยอดเยี่ยม โลกและจักรวาลด้วย เมื่อเขาเห็นสัตว์และพืชในหนังสารคดีที่แสนอัศจรรย์ มีระบบนิเวศที่เกื้อกูลกันอย่างสมดุล และได้เห็นหนังสารคดีเกี่ยวกับอวัยวะภายในของมนุษย์ที่สลับซับซ้อน มีตับไตไส้พุงที่ทำงานประสานกันอย่างประหลาดอัศจรรย์ พวกเขาก็รู้สึกทึ่ง และยอมรับว่าต้องมีผู้สร้างผู้ดีไซน์แน่ๆ แล้วก็แย่งกันถามผมว่า ใครหนอเป็นผู้สร้าง ใครหนอสร้างไก่ตัวแรกของโลก แล้วจึงออกไข่แล้วฟักมาเป็นไก่อีก ใครหนอสร้างมนุษย์คู่แรกของโลก แล้วออกลูกหลานมาเป็นมนุษย์กระจายไปทั่วโลก พวกเขาเกิดความสงสัยตรงนี้ ผมจึงได้โอกาสเปิดพระคัมภีร์ปฐมกาลและอ่านให้พวกเขาฟัง แล้วลูกๆก็เริ่มเข้าใจว่า พระเจ้ามีจริง และพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ครับ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศข่าวประเสริฐกับเด็กๆ ไม่ใช่จู่ๆพูดเข้าเรื่องพระเยซูตายบนกางเขนเลย พวกเขาก็ไม่เข้าใจเลยไงหละครับ เช่นเดียวกับการประกาศกับชาวพุทธ ซึ่งไม่มีพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของพระเจ้าเลย จู่ๆไปพูดเรื่องพระเยซูตายบนกางเขนเพื่อไถ่บาปให้คุณ เขาก็ไม่ get สิครับ ไถ่บาปเพื่ออะไรหล่ะ มันต้องโยงไปหาเพื่อจะได้รับการอภัยบาปจากพระจ้า แล้วจะได้กลับมาคืนดี ดำเนินชีวิตใหม่อย่างมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าไงหล่ะครับ นี่คือจุดประสงค์การไถ่บาป แต่ในมายเซ็ตของชาวพุทธเขาไม่ได้สนใจจะกลับมาดำเนินชีวิตกับพระเจ้า เพราะเขายังไม่รู้จักพระเจ้าและไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เขาจึงปฎิเสธข่าวประเสริฐ ดังนั้น เราควรเริ่มจากการทำให้เขาเข้าใจและเชื่อก่อนว่า พระเจ้ามีจริง แม้ตาจะมองไม่เห็น หู้จะไม่ได้ยิน แต่ก็มีตัวตนจริงๆ โดยดูได้จากธรรมชาติรอบตัวที่ถูกดีไซน์ออกแบบไว้อย่างประณีตบรรจง ซึ่งสะท้อนถึงการมีตัวตนอยู่จริงของพระเจ้าครับ
ใน (ข้อ 7-11) ดาวิดพูดถึง ถ้อยคำของพระเจ้าก็มีฤทธิ์เดช ฟื้นฟูจิตวิญญาณ และให้สติปัญญาแก่ผู้ที่ไร้เดียงสา เป็นความจริง ชอบธรรม และทำให้จิตใจชื่นบาน ถ้อยคำพระเจ้านั้นมีคุณค่ายิ่งกว่าทองคำหรือน้ำผึ้ง—ทำให้จิตใจหวานชื่น ผู้ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จหรือก็คือได้รับพระพร
ให้คุณหยุดชั่วขณะและอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์พิเศษอะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหรือไม่อย่างไร? สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ พระวิญญาณทำให้ผมระลึกได้ถึง มัทธิว 4:4 ที่พระเยซูกล่าวว่า "มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้นไม่ได้ แต่ดำรงชีวิตด้วยถ้อยคำทุกคำที่ออกจากปากของพระเจ้า"
เห็นมั๊ยครับพี่น้อง ถ้อยคำพระเจ้านั้นมีคุณค่าเปรียบเหมือนเป็นอาหาร แต่เป็นอาหารสำหรับบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณให้เติบโตเข้มแข็ง ถ้อยคำพระเจ้าที่พูดผ่านผู้เผยพระวจนะและบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล ไม่ใช่มีแต่คำสอนทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยถ้อยคำหนุนจิตชูใจ ถ้อยคำที่เสริมสร้างให้เติบโตเข้มแข็ง ถ้อยคำที่ชำระความคิดให้สะอาด ถ้อยคำที่ให้ปัญญาในการดำเนินชีวิตอย่างฉลาด ถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจถึงพระคุณความรักของพระเจ้า เข้าใจถึงแผนการของพระเจ้า และน้ำพระทัยพระเจ้า ซึ่งเมื่ออ่านแล้ว พร้อมกับอธิษฐานรับเรม่าห์พิเศษจากพระวิญญาณไปด้วย คุณก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจภายใน อุปนิสัยก็จะเปลี่ยน และชีวิตก็จะได้เห็นการอัศจรรย์ ได้รับพระพรเจริญรุ่งเรืองขึ้นในทุกด้านของชีวิต เหมือนได้กินอาหารดีๆก็ทำให้สุขภาพดีนั่นเอง แต่การอ่านคัมภีรืไบเบิลนั้น จะต้องเอามาประยุกต์ใช้กับบริบทชีวิตจริงของคุณด้วย ซึ่งตรงนี้ เมื่อคุณอธิษฐานต่อพระเจ้า พระวิญญาณของพระองค์ที่สถิตในตัวคุณ ก็จะช่วยขยายความและให้เรม่าห์ที่เฉพาะเจาะจงกับชีวิตคุณ เพื่อให้คุณสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้าได้ และได้รับการเสริมพลังจากพระวิญญาณด้วยในการที่จะทำได้ตามนั้นครับ
สำหรับผู้เชื่อใหม่ ผมขอแนะนำให้เริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์พระกิตติคุณยอห์นก่อน เพราะหนังสือยอห์นจะพูดถึงปาฎิหารย์การอัศจรรย์ของพระเยซูมากมายหลายครั้ง ซึ่งจะช่วยให้คุณเกิดความเชื่อศรัทธาในพลังอำนาจของพระเจ้า จากนั้นให้คุณอ่านพระคัมภีร์โรม เพราะหนังสือโรม ท่านเปาโลขยายความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวประเสริฐได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด จะทำให้คุณเข้าใจว่า การตายบนกางเขนของพระเยซู มีความเกี่ยวข้องสำคัญที่สุดต่อคุณและมนุษยชาติทั่วโลกอย่างไร จากนั้นอ่านพระคัมภีร์สดุดีและสุภาษิต จะทำให้คุณเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า และรู้วิธีดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา และจากนั้น ถ้าคุณรักพระเจ้า อยากมีส่วนรับใช้พระเจ้า คุณก็อ่านพระคัมภีร์กิจการอัครฑูต เพราะหนังสือกิจการ จะช่วยให้คุณเข้าใจพระวิญญาณบริสุทธิ์ และรู้วิธีร่วมมือกับพระองค์ ในการรับใช้พระเจ้าครับ เมื่ออ่าน่ครบตามที่กล่าวมาแล้ว ก็ค่อยไปอ่านเก็บเล่มอื่นๆไปเรื่อยๆเท่าที่มีเวลา ถ้าคุณยังอ่านแบบประกอบด้วยพระวิญญาณในขณะเฝ้าเดี่ยวไม่เป็น ก็ค้นหารับฟังคลิปในซีรีย์ต่างๆมากมายที่ผมทำไว้แล้วในยูทูปช่องนี้ ฟังไปเรื่อยๆทุกๆวัน เดี๋ยวคุณก็จะเฝ้าเดี่ยวแบบประกอบด้วยพระวิญญาณได้เองครับ
ใน (ข้อ 12-14) ดาวิดตระหนักถึงบาปที่ซ่อนอยู่ ไม่รู้ตัว และเขาก็ขอให้พระเจ้าชำระให้บริสุทธิ์ ขอพระเจ้าอภัยบาปที่เขาอาจทำโดยไม่รู้ตัว ขอให้คำพูดและความคิดในใจเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
ให้คุณหยุดชั่วขณะและอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์พิเศษอะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหรือไม่อย่างไร? สำหรับผม ผมรู้สึกสงสัยกับคำว่า อภัยบาป จึงนำคำนี้มาสนทนากับพระวิญญาณ
ผมถามพระองค์ว่า ในเมื่อคริสเตียนได้รับการไถ่บาปแล้ว โดยความเชื่อในพระเยซู เราก็ไม่มีบาปแล้ว แต่ทำไมเรายังต้องสารภาพบาปเพื่อรับการอภัยบาปอีก ? คุณเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มั๊ยครับ แล้วผมก็สัมผัสได้ว่า พระวิญญาณยิ้มให้ผมในวิญญาณจิต และตอบกลับมาโดยทำให้ผมระลึกได้ถึง เอเฟซัส 1:7 "ในพระเยซูคริสต์ เราได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ คือการอภัยบาป ตามพระคุณอันอุดมของพระเจ้า"
แล้วพระองค์ก็สอนผมว่า กาไถ่บาปโดยพระโลหิตพระเยซูคริสต์นั้น เป็นการอภัยบาปของการที่มนุษย์ปฎิเสธพระเจ้า ซึ่งถ่ายทอดมาจากอาดัมเอวา และทำให้มนุษย์ถูกแยกออกจากพระเจ้า แต่เมื่อเจ้าเชื่อว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า ตายบนกางเขนอย่างทรมานเพื่อรับโทษบาปของการปฎิเสธพระเจ้าแทนเจ้า เจ้าจึงไม่เป็นศัตรูกับพระเจ้าอีกต่อไป เจ้าจึงได้กลายเป็นคนที่ถูกนับว่าชอบธรรม และได้รับสถานะตำแหน่งใหม่คือ ตำแหน่งการเป็นลูกพระเจ้า สถานะตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นเด็กกำพร้าก็หมดไป พระเจ้าอภัยบาปนี้ คือบาปของสถานะตำแหน่ง เมื่อรับเชื่อพระเยซู เจ้าก็มีตำแหน่งใหม่เป็นลูกพระเจ้าตลอดไปชั่วนิรันดร์ เป็นการอภัยให้เพียงครั้งเดียว สถานะตำแหน่งใหม่ของเจ้าไม่ใช่กลับไปกลับมา เพราะได้ตำแหน่งใหม่นี้แล้ว ก็ได้เลยไปตลอดชีวิต เหมือนเจ้าถูกย้ายสถานะจากการเป็นเด็กกำพร้ามามีพ่อในสวรรค์เรียบร้อยแล้ว นี่คือสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเจ้าบนกางเขน
แล้วพระองค์ก็สอนผมต่ออีกว่า ส่วนการอภัยบาปในขณะมาเป็นคริสเตียนเรียบร้อยแล้วนั้น ตรงนี้เป็นบาปรายวัน บาปรายวันไม่ได้ทำให้สถานะการเป็นลูกหมดไป ตราบใดที่เจ้าเชื่อในกางเขนพระเยซู แม้จะทำบาปรายวัน ก้ยังคงมีสถานะเป็นลูกพระเจ้าอยู่วันยังค่ำ แต่บาปรายวันนี้ จะมีผลให้เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพระเจ้า เพราะเจ้าจะรู้สึกฟ้องผิดในใจตลอด ไม่กล้าสู้หน้าพระเจ้า ไม่มั่นใจในคำอธิษฐานว่าจะได้รับคำตอบ ดังนั้น เจ้าจึงต้องสำนึกผิดในบาปและกลับใจจากบาป เพื่อทำให้ความรู้สึกฟ้องผิดลึกๆในใจหายไป แล้วเจ้าจึงจะกล้าสู้หน้าพระเจ้าได้ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ต่อไปได้ คำอธิษฐานก็ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
โอ้ ไอซี อันที่จริงเรื่องนี้ผมก็พอจะเข้าใจ แต่เฝ้าเดี่ยววันนี้ พระวิญญารก็มาตอกย้ำให้ผมแจ่มแจ้งชัดเจนมากยิ่งขึ้น คือบาปมี 2 มิตินะครับ
บาปมิติแรก คือบาปที่มีผลต่อตำแหน่งสถานะเรากับพระเจ้า จึงตกทอดมาจากอาดัมเอวา พระเยซูมาแก้ไขทำให้เราได้มีตำแหน่งใหม่ เปลี่ยนจากเด็กกำพร้าเป็นลูกไม่มีพ่อ กลายเป็นได้มีพ่อในสวรรค์แล้ว และอยู่ในตำแหน่งนี้ตลอดไปชั่วนิรันดร์ นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทำเพื่อเรา ให้เราได้รับเปล่าๆฟรีๆด้วยพระคุณความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราครับ นี่คือที่คริสเตียนเราเรียกว่า รอดแล้วรอดเลยไงหละครับ ตราบใดที่คุณเชื่อข่าวประเสริฐกางเขนพระเยซู คุณก็ไม่ถูกพิพากษาตกนรกชั่วนิรันดร์ แต่จะรอดจากการถูกพิพากษาและได้อยู่สวรรค์กับพระบิดาไปชั่วนิรันดร์ครับ คือได้ตำแหน่งสถานะใหม่ ได้เป็นลูกพระเจ้าตลอดไปนั่นเอง
ส่วนบาปมิติที่สองคือ บาปรายวันที่เรามาเป็นคริสเตียนเป็นลูกพระเจ้าแล้ว แต่ยังทำบาปอยู่ อาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ บาปนี้ไม่ได้ทำให้เราหล่นจากพระคุณ ไม่ได้ทำให้เราถูกพิพากษาตกนรก ท่านเปาโลกล่าวไว้ใน โรม 8:1 ว่า "เพราะฉะนั้น จึงไม่มีการลงโทษสำหรับคนเหล่านั้นที่อยู่ในพระเยซูคริสต์"
ไม่มีการลงโทษ หมายถึงไม่ถูกพิพากษาตัดสินให้ไปรับโทษใดๆแล้ว เพราะพระเยซูรับแทนแล้วไงหละครับ หมายถึงไม่ต้องย้ายกลับไปเป็นเด็กกำพร้าอีก แต่เรายังคงเป็นลูกพระเจ้าอยู่ เพียงแต่เป็นลูกที่ไม่สามารถสนิทสนมกับพ่อได้ เพราะมีบาปรายวันนี้กั้นอยู่ เราจึงต้องสำนึกผิดในบาปและสารภาพบาปกลับใจใหม่อยู่แทบทุกวัน และถ้าเราจริงใจและจริงจังขอโทษพระเจ้า พระเจ้าก็จะอภัยให้ตามพระสัญญาของพระองค์ครับ
ดังนั้น การอภัยบาปจึงมี 2 มิติ การอภัยบาปมิติแรกคือ เป็นการอภัย อันเกิดจากเราเชื่อในกางเขนพระเยซู เชื่อว่าเป็นการรับโทษบาปของการปฎิเสธพระเจ้าแทนเรา ซึ่งเป็นบาปที่ตกทอดมาจากอาดัมเอวา เมื่อได้รับการอภัยบาปนี้ ทำให้เราได้รับตำแหน่งใหม่คือ ได้ตำแหน่งเป็นลูกพระเจ้า
ส่วนการอภัยบาปมิติที่สองคือ การอภัย อันเกิดจากเราเป็นลุกพระเจ้าแล้วยังเผลอทำบาป ถ้าเราสำนึกผิด ขอโทษต่อพระเจ้าแล้วกลับใจอย่างจริงใจ ก็เหมือนลูกที่ทำผิดบางอย่างต่อพ่อแม่ แล้วก็มาขอโทษพ่อแม่อย่างจริงใจ ก็ได้รับการอภัยจากพ่อแม่ ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมไงครับ
ดาวิดจบท้ายด้วยการอธิษฐานขอให้พระเจ้าอภัยบาปทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวของเขา ก็เพื่อจะได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์
ดังนั้น พี่น้องที่รัก ถ้าคุณเห็นความสำคัญของการมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้ามากๆ คุณก็จะรู้สึกเสียใจถ้าความสัมพันธ์นั้นเสียไป คุณจึงอดไม่ได้ต้องสารภาพและขอโทษต่อพระเจ้า เพื่อจะได้กลับมาคืนดีมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระอค์อีก
แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่เห็นความสำคัญของการสนิทสนมกับพระเจ้า คุณก็จะไม่รู้สึกเสียใจต่อบาปที่ทำ และไม่คิดสารภาพและกลับใจ มันจึงทำให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าห่างเหินออกไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็เดินออกไปนอกน้ำพระทัยพระเจ้า เดินออกไปจากเส้นทางที่พระเจ้าจัดเตรียมพระพรไว้ให้คุณ แม้คุณจะไม่ตกนรกเพราะเชื่อในกางเขนพระเยซู แต่ชีวิตคุณจะขาดพระพรก็เพราะห่างเหินพระเจ้านั่นเองครับ
การมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า จึงไม่ใช่แค่ "เชื่อ" เท่านั้น แต่เป็นการดำเนินชีวิตที่มีสัมพันธ์สนิทสนมแน่นแฟ้นกับพระเจ้าด้วย ติดสนิทกับพระองค์ในทุกๆ วันครับ ซึ่งก็จะมีผลดีต่อชีวิตคุณหลายข้อเลย ได้แก่
ข้อแรก ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระเจ้า จะทำให้คุณมีความชื่นชมยินดีเสมอ ไม่เป็นโรคซึมเศร้าอยากตายเลยครับ
ข้อสอง ความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้า จะทำให้คุณมีสันติสุขลึกๆในใจ ไม่หวั่นไหวหวาดกลัววิตกกังวลกับปัญหาใดๆ
ข้อสาม ความสนิทสนมกับพระเจ้า จะทำให้คุณมั่นใจในคำอธิษฐาน คำอธิษฐานของคุณจะมีพลังและเกิดผล
ข้อสี่ ความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า จะทำให้คุณสัมผัสถึงความรักของพระเจ้า และล้นหลั่งออกไปสู่คนอื่นได้ เกิดผลดีต่อตัวคุณเองและคนอื่น ทั้งด้านฝ่ายโลกและด้านการับใช้พระเจ้า
ข้อห้า คุณจะหยั่งรู้น้ำพระทัยและดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยได้อย่างมีความสุขไม่ฝืนเลย
ข้อหก คุณจะมั่นใจในความรอดและมันใจว่า จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดชั่วนิรันดร์ ไม่มีอะไรแยกคุณจากพระเจ้าได้เลย
ข้อเจ็ด คุณจะมีพลังจากพระวิยญาณ เอาชนะเหนือบาปและการทดลองยั่วยุให้ทำบาปได้
ข้อแปด ความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า ก็จะทำให้ชีวิตคุณเต็มเปี่ยมด้วยการอัศจรรย์ปาฎิหารย์ และเกิดผลมากในทุกด้านของชีวิต
เห็นมั๊ยครับพี่น้อง นี่คือคุณค่ายิ่งใหญ่มหาศาลในการมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า ดังนั้น ดาวิดเห็นคุณค่า่ตรงนี้มาก เขาจึงจบท้ายสดุดีบทนี้ด้วยการอธิษฐานขอพระเจ้าอภัยให้กับบาปที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวของเขาครับ เพื่อเขาจะได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมแน่นแฟ้นกับพระเจ้าอย่างต่อเนื่องตลอดไป นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมคริสเตียนควรสารภาพบาปรายวันในทุกๆวัน เพื่อเราจะได้มีความสัมพันธ์อันดีสนิทสนมแน่นแฟ้นกับพระเจ้า แล้วเราก็จะได้รับอะไรดีๆมากมายเจ็บแปดข้อตามที่ผมกล่าวมาข้างต้นครับ และชีวิตคุณกับผมก็จะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง การสารภาพบาปรายวัน เป็นเพียงวิธีหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์สนิทสนมแนบแน่นกับพระเจ้า ยังมีอีกหลายๆวิธีนะครับ ถ้าคุณอยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้สนิทสนมลึกซึ้งกับพระเจ้า แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมได้ทำคลิปแบ่งปันไว้มากมายหลายซีรีย์แล้ว ค้นหารับฟังได้จาก playlist ของยูทูปช่องนี้ครับ และตอนนี้ผมก็กำลังจัดทำเป็นเว็บไซต์ด้วย จะเอาคลิปทั้งหมดเกือบ 900 คลิปลงไว้ในเว็บไซต์ชื่อ bigmiracle ครับ เพื่อเป็นมรดกฝ่ายวิญญาณให้แก่รุ่นน้องรุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคต ถ้าคุณอยากมีส่วนรับใช้พระเจ้า ด้วยการถวายทรัพย์สนับสนุนการจัดทำคลิปแบ่งปันเรม่าห์และจัดทำเว็บไซต์เพื่อหนุนใจเสริมสร้างพีน้องคริสเตียนทั่วประเทศ ก็สามารถแจ้งความประสงค์มาได้ที่ไลน์ไอดี bigbig477
เอาหล่ะครับ มาร่วมสนุกกัน เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ คุณได้รับเรม่าห์อะไร ก็ให้เขียนคอมเม้นท์ลงในใต้คลิปนี้นะครรับ
คุณเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้แล้วหรือยังว่า บาปมี 2 มิติ บาปมิติแรกได้รับการอภัยโดยอะไร? บาปมิติที่สองได้รับการอภัยโดยอะไร? เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ ให้คุณหยุดและอธิษฐานขอพระวิญญาเปิดเผยสำแดงให้คุณได้รู้ว่า คุณเห็นคุณค่าเห็นความสำคัญของการมีความสัมพันธ์อันดีสนิทสนมแน่นแฟ้นกับพระเจ้าแล้วหรือยัง? ความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้า มีผลดีหรือมีประโยชน์อะไรกับชีวิตคุณบ้าง? คุณจะทำอย่างไรเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับพระเจ้าได้อย่างต่อเนื่องและตลอดไป?
พรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกัน เพื่อจะเข้าใจถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ดีเลิศมากยิ่งขึ้น แล้วชีวิตคุณจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย คุณจะกลายเป็นท่อพระพรใหญ่สู่ผู้คนในวงกว้างมากมายได้ อาเมนมั๊ยพีน้อง ขอพระเจ้าอวยพร