สดุดี 13: เมื่อไหร่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน? 🙏⏳**
สวัสดีครับพี่น้อง! 👋 วันนี้เรามาถึง **บทที่ 13** ของซีรีส์ **"ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์"** ✨ ผ่านการเฝ้าเดี่ยวจาก **พระธรรมสดุดี** 📖
🌿 ในบทนี้ **ดาวิด** ได้ร้องคร่ำครวญต่อพระเจ้าว่า **"เมื่อไหร่พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของข้าพระองค์?"** ⏳😭 เขาอาจอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ถูกไล่ล่า หนีตาย หรือต้องอยู่ในถิ่นกันดารแสนทุกข์ยาก
💡 ถ้าคุณเคย **อธิษฐานแล้วรอคอย** การตอบจากพระเจ้าเป็นปีๆ แต่ยังดูเหมือนไม่มีคำตอบ… สดุดีบทนี้เหมาะสำหรับคุณที่สุด! 📌 เพราะคุณอาจอยู่ในสถานการณ์เดียวกับดาวิด แล้วเขาทำอย่างไร?
🔍 **ประเด็นสำคัญในสดุดี 13**
1️⃣ (ข้อ 1-2) **ดาวิดเริ่มต้นด้วยความสงสัยและความท้อใจ** – เขาถามซ้ำๆ ว่า **"พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงลืมข้าพระองค์นานเท่าไร?"**
2️⃣ (ข้อ 3-4) **เขาร้องขอให้พระเจ้าฟื้นฟูและตอบคำอธิษฐาน** 🙌
3️⃣ (ข้อ 5-6) **แม้ยังไม่ได้คำตอบ แต่ดาวิดเลือกจะไว้วางใจและสรรเสริญพระเจ้า** 🎶💖
💭 **เรม่าห์ที่ได้รับ**
✅ พระเจ้าไม่ได้ลืมเรา แต่บางครั้งพระองค์ทรงฝึกฝนเราให้พร้อมรับพระพรที่ยิ่งใหญ่ขึ้น 🎯
✅ บางคำอธิษฐานถูกตอบช้า เพราะพระองค์มีเวลาที่ดีที่สุดเสมอ 🕰️
✅ เมื่อเรารอคอยพระเจ้า **จงยึดมั่นในความเชื่อและร้องเพลงสรรเสริญแทนการสิ้นหวัง** 🎵🔥
📌 **หากคุณกำลังรอคำตอบจากพระเจ้า… อย่าล้มเลิก!** ✨ จงเรียนรู้จากดาวิด **เปลี่ยนจากการคร่ำครวญเป็นการสรรเสริญ** แล้วคุณจะเห็นการทำงานของพระเจ้าในเวลาที่เหมาะสมของพระองค์ 💖
📢 ฝากกดไลก์ 👍 แชร์ 📲 และติดตาม 📡 เพื่อรับพระพรไปด้วยกันนะครับ! 💕
#เฝ้าเดี่ยว #สดุดี13 #เมื่อไหร่พระเจ้าจะตอบ #ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์
จัดทำคลิปโดย.... คุณบิ๊ก
พันธกิจ...Big Miracle
Line ID...BigBig477
www.bigmiracle.org
สวัสีดีครับพี่น้อง คลิปนี้เป็นบทที่ 13 ของซีรีย์ "ก้าวสู่ชีวิตอัศจรรย์" ด้วยการเฝ้าเดี่ยวจากพระคัมภีร์ สดุดี
สำหรับบทที่ 13 นี้ ดาวิดร้องคร่ำครวญว่า เมื่อไหร่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานเขาซักที ต้องรออีกนานเท่าไหร่ อาจเป็นตอนที่เขากำลังถูกไล่ฆ่าจากษัตริย์ซาอูล หรือจากลูกชายอับซาโลมที่กบฎ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเข้าไปในทะเลทรายที่แห้งแล้ง เขาคงรอแล้วรออีกที่จะได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้า ถ้าคุณกำลังรอคอยการตอบคำอธิษฐานจากพระเจ้า รอแล้วรออีกมาหลายปี และก็อาจกำลังร้องคร่ำครวญว่า เมื่อไหร่หนอพระเจ้าจะตอบซักที ต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่ ถ้าคุณกำลังตกในสถานการณ์นี้ สดุดีบทที่ 13 นี้ก็เหมาะสำหรับคุณที่สุดครับ เพราะคุณกำลังตกในอาการเดียวกับดาวิด แล้วคุณจะรู้วา่ ดาวิดทำอย่างไรระหว่างรอคอยคำตอบจากพระเจ้า
ผมจะอ่านช้าๆดังนี้นะครับ
(ข้อ 1-2) ดาวิดเริ่มต้นด้วยคำถามซ้ำๆ ว่า "พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงลืมข้าพระองค์อีกนานสักเท่าใด?"
เขาระบายอารมณ์ความรู้สึกว่า เหมือนกำลังถูกพระเจ้าทอดทิ้ง ดูเหมือนพระเจ้าไม่สนใจเขา และปล่อยให้เขาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาตามลำพังคนเดียว พระองค์ไปอยู่ซะทีไหนแล้ว
(ข้อ 3-4) ดาวิดอ้อนวอนให้พระเจ้าได้ยินและตอบคำอธิษฐานของเขา ขอให้พระเจ้าทรงฟื้นฟูชีวิตเขา เพื่อไม่ให้ศัตรูได้เปรียบและเยาะเย้ยเขา ตรงนี้เป็นการขอเพื่อเกียรติของพระเจ้าไปด้วยนะครับ ไม่ใช่ขอเพื่อตัวเองฝ่ายเดียว
(ข้อ 5-6) แม้กำลังอยู่ในความทุกข์ ดาวิดเลือกที่จะวางใจในความรักมั่นคงของพระเจ้า เขาประกาศว่าเขาจะชื่นชมยินดี เพราะพระเจ้าเคยช่วยเขามาก่อน และเขามั่นใจว่า พระเจ้าจะช่วยเขาอีกต่อไป
สรุปสดุดีบทที่ 13 นี้ ดาวิดเริ่มต้นด้วยการร้องคร่ำครวญระบายความรู้สึกสงสัยว่า อีกนานเท่าใดพระเจ้าจึงจะตอบคำอธิษฐาน แต่ก็จบลงด้วยการที่ดาวิดร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าอย่างมีความหวัง แทนที่จะจบด้วยความสิ้นหวัง ทั้งๆที่พระเจ้ายังไม่ตอบคำอธิษฐานครับ
ถึงตรงนี้ ให้คุณหยุดชั่วขณะ และอธิษฐานถามพระวิญญาณว่า มีเรม่าห์พิเศษอะไรที่พระองค์ต้องการจะบอกคุณหรือไม่อย่างไร
สำหรับผม เรม่าห์ที่ได้รับคือ
มีคำว่า "อีกนานเท่าใด" ปิ๊งแวบผุดขึ้นในความคิดของผมอย่างไม่ได้ตั้งใจคิด เพราะอ่านไปอ่านไปก็เจอคำว่า "อีกนานเท่าใด" ถึง 4 ครั้งในสดุดีบทที่ 13 นี้ ผมจึงนำคำนี้มาเป็นหัวข้อสนทนากับพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผมถามพระวิญญาณว่า เหตุใดดูเหมือนในบทก่อนหน้าหลายๆบท ดาวิดมีความไว้วางใจในพระเจ้า เขาประกาศความเชื่อไม่หยุด แต่ทำไมมาถึงสดุดีบทที่ 13 เขากลับตั้งคำถามกับพระเจ้าว่า อีกนานเท่าใด อีกนานเท่าใด พระเจ้าจึงจะตอบคำอธิษฐาน?
แล้วพระวิญญาณก็สอนผมว่า ความเชื่อของดาวิดในพระเจ้า มักจะขึ้นๆ ลงๆ เพราะเขาเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งจะมีการต่อสู้ภายในใจระหว่าง ความเชื่อ และ ความลังเลสงสัย
อย่างไรก็ตาม ดาวิดเลือกที่จะไว้วางใจในพระเจ้าต่อไป และเปลี่ยนทิศทางหันมาสรรเสริญพระเจ้าแทน แม้ในเวลาที่ยังไม่เห็นคำตอบก็ตาม
แล้วพระองค์ก็เตือนสติผมว่า การเดินในความเชื่อกับพระเจ้าในแต่ละวัน อาจขึ้นๆลงๆได้ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย เมื่อพระเจ้ายังไม่ตอบคำอธิษฐาน เจ้าก็อาจรู้สึกสงสัยในพระเจ้า เหมือนที่ดาวิดสงสัยว่า อีกนานเท่าใดพระเจ้าจึงจะตอบ ดาวิดสงสัยว่า พระเจ้าลืมเขาไปเสียแล้วหรือ? นี่คือความสงสัยที่จะเกิดกับคริสเตียนทุกคนเวลาต้องรอคอยพระเจ้าตอบ โดยเฉพาะในยามหน้าสิ่วหน้าขวานหรือยามทุกข์ยากลำบาก หรือในยามท้อแท้สิ้นหวัง แต่การรักษาความเชื่อรวางใจในพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การร้องเพลงสรรเสริญ และขอบพระคุณตลอดเวลา ก็จะ จะช่วยให้เจ้าเติบโตมากขึ้นในความเชื่อ และสามารถรักษาความหวังใจในพระเจ้าต่อไปได้ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสาหัสก็ตาม
ถึงตรงนี้ ผมก็ถามพระองค์กลับไปว่า ในเมื่อพระเจ้ารักเรา ทำไมต้องปล่อยให้เรารอคอยคำตอบ ทำไมไม่รีบตอบคำอธิษฐานเรา ทำไมบางเรื่องตอบช้ามาก อีกนานเท่าใดหนอพระเจ้าจึงจะตอบ รอแล้วรออีกหลายปีแล้ว ราวกับพระเจ้าลืมคำอธิษฐานของเราไปแล้ว ?
พระวิญญาณตอบกลับด้วยการทำให้ผมเข้าใจสภาพของดาวิดในขณะนั้น จากบริบททางประวัติศาสตร์ของสดุดีบทที่ 13 เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ
พระเจ้าทรงมีเหตุผลในการ "ตอบช้า" ต่อคำอธิษฐานของดาวิด ดังนี้
เหตุผลประการแรกคือ พระเจ้ากำลังทดสอบและฝึกฝนชีวิตของดาวิด คือคนที่จะเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล จะต้องผ่านการทดสอบ
แม้ดาวิดจะได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์ตั้งแต่ยังวัยรุ่น (1 ซามูเอล 16:13) แต่เขาต้องทุกข์ยากลำบาก เผชิญปัญหาใหญ่ในการหลบหนีซาอูลในถิ่นทุรกันดารหลายปี นี่เป็นการ ทดสอบความไว้วางใจในพระเจ้า และเป็นสถานการณ์ที่หล่อหลอมฝึกให้เขาเป็นผู้นำที่ถ่อมใจและอดทนต่อความยากลำบาก
ถ้าดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์โดยไม่ผ่านข้อสอบของความทุกข์ยากลำบาก จะเกิดอะไรกับเขา ? เขาก็อาจพึ่งกำลังตนเองแทนที่จะพึ่งพาพระเจ้า และก็จะเย่อหยิ่งในความรู้ความสามารถของตน แล้วจะปฎิเสธที่จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าไงครับ ไม่เพียงพระเจ้าทำให้เขาถ่อมใจ ความทุกข์ยากลำบาก ยังเป็นช่วงพัฒนาจิตวิญญาณของดาวิดให้เติบโตในความสัมพันธ์กับพระเจ้าแน่นแฟ้นมากขึ้นด้วย เป็นการเตรียมชีวิตเขาให้พร้อมที่จะเป็นกษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้า เฃาถูกพระเจ้าเปลี่ยนแปลงจิตใจหลายๆด้าน อุปนิสัยและทัศนคติ แรงจูงใจต่างๆก็ถูกเปลี่ยน และถูกสร้างให้เป็นผู้นำที่เข้มแข็งภายใต้การปกครองของพระเจ้า นี่คือผลลัพธ์จากการที่พระเจ้าไม่รีบตอบคำอธิษฐานของเขาทันที
ตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์หลายๆคนก็คล้ายๆดาวิด เช่น โยเซฟ ก็ถูกขายเป็นทาสและติดคุกนาน รวมๆเวลาที่ทุกข์ยากลำบากก็ถึง 13ปี เพราะพระเจ้าต้องพัฒนาและสร้างชีวิตเขาให้เติบโตก่อน เมื่อถึงเวลาที่พระองค์เห็นว่าใช้การได้แล้ว โยเซฟก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนายกรัฐมนตรีของอียิปต์ (ปฐมกาล 37-41)
อีกตัวอย่างหนึ่ง โมเสส ก็ต้องใช้เวลาถึง 40 ปีไปเลี้ยงแกะในถิ่นทุรกันดารดินแดนของคนมีเดียน จนเขาถ่อมใจหมดสภาพเจ้าชายอียิปต์แล้ว และพร้อมจะเชื่อฟังทำตามการทรงนำของพระองค์ เมื่อพระเจ้าเห็นว่าใช้การได้แล้ว พระองค์จึงใช้เขานำไปเจรจากับฟาโรห์ และนำชาวยิวออกจากการเป็นทาสสของอียิปต์
ถึงตรงนี้ ผมก็นึกได้ถึงเหตุการณ์ในอดีตของผมตอนที่ธุรกิจเจ๊งเพราะสึนามิ ผมก็ทุกข์ยากลำบากมากๆครับ ครอบครัวแตกแยก กลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวและแบกหนี้สินก้อนโต ผมอธิษฐานแล้วอธิษฐานอีก แต่พระเจ้าก้ไม่ได้ตอบคำอธิษฐานทันทีทันใด เหมือนดาวิดร้องคร่ำครวญในสดุดีบทนี้ ผมถามตลอดเวลาว่า อีกนานเท่าใดหนอพระองค์จึงจะช่วยทำให้ผมกลับสู่สภาพดีเหมือนเดิม แต่ในขณะที่ต้องเดินกับพระเจ้าด้วยความเชื่อไปวันต่อวันหลายปี เมื่อผมมองย้อนกลับไปจึงได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและขอบพระคุณไม่หยุดเลย เพราะในเวลานี้ผมพบว่า การที่พระเจ้าตอบช้าในช่วงนั้น พระองค์ทำให้ผมได้เข้ามาใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น และได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณภายในจนเติบโตเข้มแข็งในความเชื่อวางใจพระองค์มากขึ้น ถ้าพระองค์ตอบผมเร็วในช่วงเวลานั้น ผมก็คงเป็นคริสเตียนที่มีความเชื่ออ่อนแอปวกเปียกครับ คงเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ และไม่สามารถรับใช้พระองค์ได้เลย แม้ปากจะพูดบอกว่าอยากรับใช้พระเจ้า แต่คุณสมบัติด้านจิตวิญญาณยังสอบไม่ผ่าน พระเจ้าจะต้องฝึกชีวิตให้สอบผ่านข้อสอบแห่งความทุกข์ยากลำบากได้ก่อนครับ แล้วจึงจะไปเป็นท่อพระพรให้แก่คนอื่นได้ ถ้าคุณกำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากลำบากและร้องคร่ำครวญว่า เมื่อไหร่หนอพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน อีกนานเท่าใดหนอ ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ ขอหนุนใจให้คิดถึงเรื่องราวของดาวิด โยเซฟ และโมเสสครับ พระเจ้ามีแผนการจะอวยพรคุณอย่างยิ่งใหญ่เหมือนดาวิด แต่คุณต้องสอบให้ผ่านบทเรียนชีวิตนี้ก่อน รับการสร้างจิตวิญญาณให้เติบโตในความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างแน่นแฟ้นเสียก่อน แล้วคุณจึงจะรับใช้พระองค์ได้ พระพรจะหลั่งไหลมาสู่คุณในภายหลังเพื่อคุณจะเป็นท่อลำเลียงพรของพระองค์ไปสู่คนอื่นได้ตามแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์
เหตุผลประการที่2 ทำไมพระเจ้าตอบคำอธิษฐานช้า เรม่าห์ที่ผมาได้รับคือ นั่นก็เพราะพระเจ้าทรงมีเวลาที่เหมาะสมที่สุดครับ บางครั้ง พระเจ้าต้องการให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามจังหวะเวลาและแผนการของพระองค์ เพราะอะไร ก็เพราะถ้าพระเจ้าเร่งให้ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เร็วเกินไป คนอิสราเอลอาจไม่ยอมรับและต่อต้านเขา
พระเจ้าต้องรอจนกว่ากษัตริย์ซาอูลจะถึงวาระสุดท้าย เพื่อการขึ้นครองของดาวิดจะเป็นไปอย่างธรรมชาติและไม่ถูกต่อต้านมากเกินไป ในระหว่างรอจังหวะเวลาเหมาะสม พระเจ้าก็เตรียมชีวิตดาวิดไปด้วย เพื่อเปลี่ยนเด็กเลี้ยงแกะให้มีคุณสมบัติเป็นกษัตริย์ได้ ดาวิดต้องเรียนรู้ว่า เขาไม่สามารถพึ่งกำลังของตนเองได้ แต่ต้องพึ่งพาพระเจ้า ขณะที่หนีตายในถ้ำ และอาศัยในถิ่นทุรกันดาร ดาวิดไม่มีอะไรเลยนอกจากความไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าทรง "ปล่อยให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว" เพื่อให้เขาพึ่งพระเจ้าอย่างแท้จริง
ถึงตรงนี้พระองค์ก็ทำให้ผมระลึกได้ถึงเหตุการณ์ในอดีต ช่วงที่ธุรกิจที่ภูเก็ตของผมเจ๊งเพราะสึนามิ ผมต้องย้ายกลับมาบ้านเกิดที่อุดร มันก็คล้ายๆกับดาวิดตอนนี้ครับ ดาวิดไม่เหลืออะไรเลย ผมก็ไม่เหลืออะไรเลย แถมผมยังเป็นหนี้ก้อนโตอีกด้วย และในช่วงทุกข์ยากลำบากหลายปี ถ้าผมได้รับการช่วยเหลือเร็ว ถ้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานผมเร้ว นิสัยวิศวกรเก่าของผมก็จะไม่หายไป คือนิสัยที่คิดว่าตัวเองเก่ง พึ่งพากำลังตัวเองไงหล่ะครับ แต่เมื่อผมไม่เหลืออะไรเลย แถมเป็นหนี้ก้อนโต ทุกอย่างมันเกินกำลังความสามารถของผมที่จะแก้ไข เวลานั้นแหละครับ ผมจึงได้เรียนรู้ที่จะถ่อมใจรับการเลี้ยงดูจากพระเจ้า และเข้ามาใช้เวลาพัฒนาความสนิทสนมกับพระองค์ เพื่อจะได้รู้จักและรู้ใจพระองค์ เรียนรู้ที่จะก้าวไปตามการจัดเตรียมและการทรงนำจากพระองค์ทีละก้าววันต่อวัน
แต่เพื่อให้สมดุล การพึ่งพาพระเจ้าไม่ได้หมายถึงการทำตัวโง่ๆและไม่พัฒนาความรู้ความสามารถตัวเองอีกเลย ไม่ใช่หมายถึงแบบนี้นะครับ แต่หมายถึงให้เรียนรู้ที่จะเดินไปกับพระเจ้า เรียนรู้ที่จะร่วมมือกับพระเจ้า รู้ว่ากิจกรรมใดที่คุณต้องทำเองและตั้งใจทำเต็มที่ และรู้ว่ากิจกรรมใดที่พระเจ้าจะเป็นคนทำ การทำธุรกิจมันจะมีกิจกรรมที่คุณควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ใช่มั๊ยครับ กิจกรรมที่คุณควบคุมได้คุณก็ต้องใช้สมองใช้ความขยันของคุณทำเต็มที่ ส่วนกิจกรรมที่ควบคุมไม่ได้คุณก็ต้องสงบใจอย่างมีสันติสุขที่จะมอบความไว้วางใจพระเจ้าเป็นผู้ควบคุมแทนคุณ นี่คือการร่วมมือกับพระเจ้าครับ ทั้งด้านการงานฝ่ายโลกและการทำพันธกิจรับใช้พระเจ้าฝ่ายวิญญาณ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะร่วมมือกับพระวิญญาณที่ประทับอยู่ในตัวคุณครับ
เหตุผลประการที่สาม เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ พระเจ้าต้องการให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตดาวิด ได้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระองค์เป็นผู้กระทำให้ดาวิดได้ขึ้นเป็นกษัตริย์
ถ้าดาวิดขึ้นครองราชย์ได้ง่าย ๆ ผู้คนอาจคิดว่าเป็นเพราะเขาฉลาดหรือมีทักษะในการเป็นผู้นำดีอยู่แล้ว อาจคิดว่าไม่ใช่ผลงานของพระเจ้า
แต่เพราะเขาผ่านความทุกข์ยากลำบากมากมาย และเขาต้องพึ่งพาพระเจ้าในทุกย่างก้าว ดังนั้น ทุกคนจึงเห็นว่า เบื้องหลังนั้นเป็นพระเจ้า ที่ทรงอุปถัมภ์ช่วยเหลือเขา และเป็นผู้แต่งตั้งเขาเป็นกษัตริย์ ไม่ใช่เพราะความสามารถส่วนตัวของเขาเอง
เมื่อพระเจ้าทรงตอบ "ช้ามาก" และเข้ามาช่วยกู้ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุด ทุกคนก็จะยอมรับเป็นเสียงเดียวว่า นี่คือเป็นการทำงานของพระเจ้าเบื้องหลังความสำเร็จของดาวิดครับ
แล้วพระวิญญาณก็ทำให้ผมระลึกได้ถึง ตัวอย่างนึงในหนังสือผู้วินิจฉัย 7 เป็นตอนที่ แม่ทัพกิเดโอน ถูกพระเจ้าสั่งให้ลดกำลังทหารของเขาจาก 32,000 เหลือ 300 คน แล้วเขาก็ยังมีชัยชนะข้าศึกที่มีกำลังทหารเป็นแสน เหตุการณ์นี้ก็เพื่อ พระเจ้าจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเป็นชัยชนะที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่จากความสามารถของกิเดโอนเอง
เหตุผลประการที่ 4 เรม่าห์ที่ผมได้รับคือ
พระเจ้าทรงทำงานกับคนรอบตัวดาวิด ไม่ใช่แค่ดาวิดที่ต้องเติบโต แต่คนรอบตัวเขาก็ต้องเติบโตด้วยเช่นกัน ประชาชนต้องเห็นว่าซาอูลเป็นกษัตริย์ที่ไม่ชอบธรรม และพวกเขาจำเป็นต้องมีผู้นำที่ดีอย่างแท้จริง หากพระเจ้าตอบเร็วเกินไป คนอาจไม่เข้าใจว่าดาวิดเป็น "กษัตริย์ที่พระเจ้าทรงเลือก"
คุณรู้มั๊ยครับว่า ในขณะที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของคุณช้า ผุ้คนรอบตัวคุณจะเห็นชีวิตคุณไม่มีการอัศจรรย์เท่าใดนัก คุณยังมีหนี้สิน คุณยังมีอาชีพที่รายได้ปริ่มๆ คุณยังต้องเช่าบ้านอยู่ คุณยังทุกข์ยากลำบาก คนรอบตัวคุณจะเห็นว่า คุณไม่มีทางจะฟื้นตัวได้เลย เขาจะหัวเราะเยาะและดูถูกคุณ แต่คุณรู้มั๊ยครับว่า นี่อยู่ในแผนการของพระเจ้า ในขณะที่พระองค์เปลี่ยนแปลงนิสัยและทัศนคติของคุณไปทุกๆวัน เมื่อถึงเวลาเหมาะสม พระองค์ก็จะยกชูคุณขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วมันจะทำให้คนรอบตัวคุณต้องร้องด้วยความอัศจรรย์ว่า ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าของคุณ ไม่ใช่เกิดจากตัวคุณเอง แต่ต้องเป็นเพราะพระเจ้าช่วยแน่ๆ
ผมเคยได้ยินคำพยานของเพื่อนคริสเตียนคนนึงที่ภูเก็ต ทำธุรกิจนำเที่ยวด้วยเรือใหญ่ไปเกาะต่างๆ แต่หลังจากสึนามิ เขาก็เจ๊ง และเรือต้องจอดนิ่งหลายเดือน ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเขาล้วนหัวเราะเยาะที่เขาเป็นคริสเตียนแล้วพระเจ้าไม่เห็นช่วยอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ถึงเวลาเหมาะสม ปรากฎว่าพระเจ้าทำให้เรือเขาได้ออกวิ่งให้บริการลูกค้าต่อเนื่องทุกวันอย่างอัศจรรย์ ในขณะที่เรือคนอื่นจอดนิ่ง และผลจากการอัศจรรย์นี้ ทำให้คนรอบตัวที่เคยหัวเราะเยาะเขา ต่างกลับใจหันมารับเชื่อเป็นคริสเตียนกันมากมายเลยครับ ดังนั้น แผนของพระเจ้าจะรวมไปถึงการมีผลกระทบต่อคนรอบตัวของคริสเตียนเราด้วย ซึ่งก็เป้นสาเหตุหนึ่งที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานเราช้าครับ พระองค์มีแผนจะทำให้คนรอบตัวเราได้รับความรอดด้วย
เหตุผลประการที่ 5 พระเจ้าทรงใช้เวลาที่ทุกข์ยากลำบากของดาวิด เพื่อให้เขาแต่งเพลงสดุดี แล้วกลายมาเป็นพระคัมภีร์เล่มนี้ ที่เป็นพระพรแก่ผู้เชื่อในพระองค์ไปตลอดกาล หากดาวิดไม่ได้เผชิญความทุกข์ยากลำบาก พวกเราคริสเตียนก็อาจไม่มีสดุดีบทที่ 13 หรือบทอื่น ๆ ที่เป็นกำลังใจให้เราในทุกวันนี้ครับ พระเจ้าทรงใช้ความทุกข์ของดาวิด เพื่อสร้างคำอธิษฐานและบทเพลงที่ช่วยเหลือผู้เชื่อในทุกยุคสมัยมาถึงปัจจุบัน ดังนั้น ความทุกข์ยากลำบากที่คุณเจอขณะนี้ ก็จะกลายเป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้าได้เช่นกัน ถ้าคุณไม่รีบด่วนท้อแท้ท้อถอยและล้มเลิกที่จะเชื่อวางใจพระเจ้าไปซะก่อน ตอนจบของสดุดีบทที่ 13 ดาวิดทำอะไร ? ดาวิดร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าครับ หลังจากเขาระบายความทุกข์ใจต่อพระเจ้าแล้ว เขาจบท้ายคำอธิษฐานด้วยการสรรเสริญพระเจ้า ไม่ใช่จมอยู่กับความท้อแท้สิ้นหวังอยากตายนะครับ เขาหันใจไปร้องเพลงสรรเสริญฤทธิ์อำนาจการอัศจรรย์ของพระเจ้า สรรเสริญพระคุณความรักความเมตตาของพระองค์ เขาทบทวนหลายๆเหตการณ์ที่พระองค์ได้ตอบคำอธิษฐานของเขา และเขาก็มั่นใจว่า ในครั้งนี้พระองค์ก็จะตอบอีก เขาจึงร้องเพลงสรรเสริญได้ แม้ปัญหาจะยังไม่หายไปหรือหมดไปเลยครับ คุณควรเลียนแบบดาวิด ถ้าคุณยังมีปัญหาชีวิต ยังมีหนี้สินก้อนโต ยังเจ็บป่วยเรื้อรัง ยังครอบครัวทะเลาะเบาะแว้ง ลูกก็ยังดื้อ อย่ามัวจมกับความท้อแท้สิ้นหวัง แต่ให้เลียนแบบดาวิด หันมาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และนับพระพรที่เคยได้รับอยู่บ่อยๆ แล้วชีวิตคุณจะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย อาเมนมั๊ยครับพี่น้อง
สรุปเรม่าห์ที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานช้า ไม่ใช่เพราะพระองค์ลืมเรา แต่เพราะพระองค์กำลังเตรียมบางสิ่งที่ดีกว่าให้เราเสมอ นี่คือเหตุผลดีๆมากมายหลายข้อ ที่คุณควรฟังซ้ำบ่อยๆให้ตอกย้ำความเชื่อวางใจพระงอค์เข้าไปในจิตใต้สำนึกครับ ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ให้คุณเปิดฟังคลิปนี้ซ้ำอีกครั้งบ่อยๆนะครับ เมื่อคุณรู้เหตุผลแล้วว่า ทำไมต้องรอพระเจ้าตอบคำอธิษฐานนานจัง คุณก็จะไม่ลังเลสงสัย แต่จะมั่นคงมั่นใจในความไว้วางใจพระเจ้าว่า พระเจ้าจะตอบแน่ ด้วยวิธีและในเวลาที่ดีที่สุดของพระองค์ และจะเป็นผลดีที่สุดต่อชีวิตคุณครับ อาเมนมั๊ยพี่น้อง
เอาหล่ะครับ มาร่วมสนุกกัน เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ คุณได้รับเรม่าห์อะไร ก็ให้เขียนคอมเม้นท์ลงในใต้คลิปนี้นะครรับ
คุณเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้แล้วหรือยังว่า คนเราก็มีโอกาศความเชื่อขึ้นๆลงๆได้แบบดาวิด และก็อาจมีคำถามในใจแบบดาวิดว่า อีกนานเท่าใดหนอพระเจ้าจึงจะตอบคำอธิษญาน? เข้าเฝ้าพระเจ้าวันนี้ ให้คุณหยุดและอธิษฐานขอพระวิญญาเปิดเผยสำแดงให้คุณได้รู้ว่า คุณเป็นคนอย่างไร ? คุณมักจะเฝ้าถามพระเจ้าว่า เมื่อไหร่หนอพระองค์จึงจะตอบคำอธิษฐานซักที? หรือคุณมักถามพระองค์ว่า อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะตอบคำอธิษฐาน? หรือคุณร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้าตลอดเวลา แม้จะรอคอยนานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบก็ตาม? คุณเป็นอย่างไร? ให้คุณหยุดและอธิษฐานถามพระวิญญาณดูนะครับ
พรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยกัน เพื่อจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าได้ในทุกสถานการณ์แบบดาวิด แล้วชีวิตคุณก็จะไม่ขาดการอัศจรรย์เลย คุณจะกลายเป็นท่อพระพรใหญ่สู่ผู้คนในวงกว้างมากมายได้ อาเมนมั๊ยพีน้อง ขอพระเจ้าอวยพร